ตอนนี้สายไฟลงตัวเกือบหมด เสียงดีมากจริงๆไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ มาเล่าสู่กันฟังครับ
ผมใช้เต้าไฟฟ้าสายต่อยี่ห้อหนึ่งอยู่มานานหลายเดือน ไปบ่นกับเพื่อนว่าเสียงยังไม่อิ่มขาดเบส ตอนแรกโทษปรีแอมป์เพราะกำลังจะเปลี่ยนเป็นปรีหลอด (จะได้เสียงที่ดีขึ้น) เพื่อนมาแกะดูบอกว่าที่เสียงไม่อิ่มและขาดเบสเป็นเพราะเต้านี้ชุบทอง จะสู้ทองแดงล้วนที่ไม่ชุบไม่ได้� เขาแนะนำผมให้เปลี่ยนเต้าที่ผนังเป็น Wattgate 381 และเปลี่ยนเต้าสายต่อเป็นพวกทองแดงแทน ไม่ต้องลงทุนมาก จะได้เสียงที่มีเบส กลาง แหลมดีขึ้น ผมสงสัยว่า Wattgate ก็เป็นพวกชุบทองด้วย ทำไมถึงจะดีขึ้น ควรเปลี่ยนเป็นพวกที่เป็นทองแดงล้วนๆไม่ดีกว่าหรือ
ผมได้ลองหาข้อมูลและโพสถาม แต่ไม่ได้คำตอบที่จะๆ วันที่ผมไปดู Wattgatte ที่พหลโยธินเพลสดันเข้าผิดที่จอดรถ ถ้าจะออกต้องเสียค่าจอด 50 บาท (ด้วยความหงุดหงิดกับค่าจอดโ..รแพง) เลยไปซื้อ Wattgatte ซะเลย จะได้ประทับตราที่จอดรถด้วย ได้จอดฟรีชั่วโมงนึง

มาเข้าเรื่องดีกว่า ผมใช้เอสเอซีดีมาร้านซ์รุ่นใหญ่ SA-11S1 ปรีและพาว์เวอร์ทรานซิสเตอร์ไบโพล่าร์ 300 วัตต์ x 2 ของในไทยทำ ลำโพงตั้งพื้นประกอบในดอก scanspeak revelator สองทาง ห้องขนาด 4x5 ลำโพงตั้งห่างผนัง 75 ซม. ระหว่างกัน 180 ซม. ด้านหลังเป็นกำแพงมีหน้าต่างอยู่ (ปิดตลอดเวลา) เก้าอี้ฟังนั่งห่าง 3 เมตร สายต่างๆเป็นของเก่ามือสองรุ่นท็อปของฮิตาชิ (เทียบเสียงมากับหลายเส้นแล้ว) บานาน่าสายลำโพงเป็น WBT รุ่นท๊อปครับ
สายไฟปรีเป็น Zen Acoustic CL3 หัว hubble ท้าย wattgate สายไฟพาว์เวอร์เป็นสายของจีนดีไซน์เยอรมัน (ให้เสียงดีกว่าเส้นต่างๆที่มีทั้งรายละเอียดและน้ำหนักเสียง) หัว hubble ปลั๊กผนังเป็น National ทองแดงไม่ชุบ เต้าไฟฟ้าเป็นยี่ห้อที่เขาเอามาชุบทองแล้วขายอยู่ที่หลายพัน มีขายที่ฟอร์จูนด้วย แผ่นที่ฟังก็ Reference ของ FIM,� Nora Jones, Midnight Jazz�
ผมคิดว่า จริงๆชุดของมันอาจจะอิ่มและมีเบสอยู่ แต่อยากให้มากกว่านี้
โดยการจัดพวกไฟฟ้าให้ลงตัว จะเป็นไปได้หรือไม่ ??หลังจากได้เปลี่ยนเต้าผนังเป็น Wattgate 381 และ เต้าสะพานไฟ National ทองแดงล้วน เสียงแตกต่างอย่างชัดเชนคือได้รายละเอียดมากขึ้น รู้สึกว่าเสียงทุกย่านดังขึ้น อาจจะเด่นที่ย่านเสียงสูงมากกว่า มีโทนาลบาล๊านซ์มากขึ้น โฟกัสนิ่งและสงัดขึ้น เวทีดีกว่าเดิมแต่ไม่มากนัก เสียงโดยรวมนุ่มและได้ความชัดเจนที่ดี� ที่รู้สึกได้เลยว่า Wattgate ต่างจากเต้าอื่นๆที่เคยใช้ คือว่าเสียบปลั๊กยากมากๆ ต้องออกแรงมากกว่าจะเสียบเข้า น่าจะหมายถึงความแน่ในที่หน้าสัมผัสแน่นสุดๆ
เมื่อวันก่อนได้สายไฟมาใช้กับเครื่องเล่นซีดี เป็นยี่ห้อนึง ตัวพิมพ์ smc บนสาย ที่ร้านเข้าหัว hubbel และใช้ถุงโลหะหุ้ม คล้ายที่ Hovland ทำ (เสียงเมื่อมีถุงหุ้มดีกว่าไม่หุ้ม ทอดยาว มีน้ำหนัก และเวทีกว้าง มากขึ้น) เสียงที่ฟังดีขึ้นทุกวัน นุ่มมากๆแต่มีรายละเอียด หวานกังวาลมากขึ้นเรื่อยเช่นกัน
ใจตัวเองอยากได้เสียงแนวหลอด (อิ่มๆ) เลยไปเอา แอมป์อินติเกรดซิงเกิ้ลเอ็นหลอดผลิตฮ่องกงขนาด 12 วัตต์ (กินไฟ 100 วัตต์) ใช้หลอดเบอร์ ปรี 12AX7 และ เอ๊าพุต EL84 มาฟังเทียบ กะว่าถ้าเครื่องหลอดดีจะเปลี่ยนแทนเครื่องเดิม เครื่องหลอดนี้เสียงดีมากครับ ได้ทุกอย่างที่หลอดให้กัน แผ่นที่ลองคือ Midnight Jazz Lounge ร้องโดย Janet Seidel (แผ่นนี้ขอแนะนำมากๆ ใช้เทสเครื่องได้ด้วย) แต่ผลปรากฎว่า
ชุดเดิมของผม คิดว่าเป็นผลจากการเปลี่ยนเต้าต่างๆและสายไฟเป็นข้างต้น ให้เสียงที่ต่างจากเครื่องหลอดไม่มากนัก เรียกว่าชนกันได้เลย หลอดอาจจะให้เสียงกลางที่มีแอมเบี๊ยนที่ดีกว่าบ้าง แต่ที่หลอดไปไม่ถึงคือด้านเสียงสูง โดยเฉพาะเครื่องดนตรีที่เป็นเครื่องเคาะทั้งหลาย (เปียโน ฉาบ เปอร์คัสชั่น ระฆัง กิ๋ง) เสียงเบากว่าและห้วนๆ เรื่องเวทีหลอดก็กำลังน้อยกว่า ฟังคลาสสิกกลายเป็นวงเล็ก ต้องตั้งใจฟังถึงจะได้ยินเสียงเครื่องดนตรีด้านหลังเวที
อีกอันที่ผมคิดว่ามีผลมากคือ เครื่องเล่นเอสเอซีดีของมาร้านซ์ที่ผมใช้นั้นให้เสียงที่เป็นอนาล็อกมากอยู่แล้ว อาจทำให้ผลของเครื่องหลอดที่มาช่วยไม่ได้ส่งผลมากนัก
สรุปเป็นอันว่า ผมปรับสายไฟทำให้ชุดเดิมดีขึ้นเป็นกอง
ไม่คิดว่าเรื่องแค่สายไฟ้ฟ้าจะทำได้ขนาดนี้ !! ตอนนี้รอให้เบินร์อินไปเรื่อยๆ ซัก 200-300 ชม.คงจะเด็ดกว่านี้อีก�
ลืมเล่าไปอีกอย่าง ตอนแรกที่เอาเครื่องหลอดลง เวทีไม่กว้าง เสียงกระจุกอยู่ที่ปากลำโพง ก็เลยต้องขยับลำโพงให้ห่างกันมากขึ้นอีกเป็น 220 ซม. พวกเซ็ตอัพเล็กๆน้อยพวกนี้ช่วยได้มากเช่นกัน� ดีเหมือนกันครับที่ไม่ต้องเปลี่ยนแอมป์เป็นหลอด ยิ่งพวกกำลังแรงๆ กินไฟยังกับเตารีดผ้า ยุคนี้ต้องประหยัดไฟกันฮับ�

เล่าต่อที่กาทู้เบอร์ 16 ข้างล่างคับ