โอ้ยยย เห็นรูปท่านปลัดแล้ว ใครก็ได้ ขอน้ำแข็งโปะตาผมหน่อยเถอะ

อันนี้เพิ่งได้มาครับ อ่านดูแล้ว น่าจะอธิบายอะไรได้บางอย่างที่คุณ lonely สงสัย ยาวหน่อยนะครับ แต่ผมว่าอ่านแล้วค่อยๆ คิดตาม ก็จะปะติดปะต่อได้ว่า เราฝันเพราะอะไร
6 ความคิดร้าย ๆ ทำลายสมอง
โพสต์ทูเดย์
มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาอย่างปกติสมบูรณ์ และในการดำเนินชีวิตที่ไม่ประสบกับเหตุเภทภัยที่เกิดกับสมอง จากอุบัติเหตุ ถูกทำร้าย หรือจากเชื้อโรคร้าย ก็จะมีอวัยวะสำคัญที่สุดของร่างกายเหมือนกันทุกคนคือ สมอง...
ความ รู้ใหม่เกี่ยวกับสมองเกิดขึ้นมากมายแทนที่ความรู้เก่า ดังเช่น ความรู้เก่าที่ว่า สมองของคนเราเกิดมาเท่าไรก็มีเท่านั้น ไม่สามารถจะเกิดใหม่ได้
แต่ในความเป็นจริงเซลล์สมองมีการเกิดใหม่ได้ สเต็มเซลล์ที่เป็นเซลล์อ่อน พร้อมจะพัฒนาเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ ของอวัยวะมนุษย์ก็พบอยู่ในสมองของผู้ใหญ่ด้วย...
จาก เทคโนโลยีใหม่ๆ ของการสำรวจ เจาะตรวจสอบภายในร่างกายของมนุษย์เรา ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์ สามารถมองเห็นการทำงานของสมองในสภาวะต่างๆ ก็จึงทำให้วงการวิทยาศาสตร์วันนี้ ได้ค้นพบวิธีต่างๆ มากมาย ที่จะทำให้คนเราใช้สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในขณะเดียวกันก็พบว่า สมอง มนุษย์ถึงแม้จะวิเศษเพียงใด แต่ก็เปราะบางอ่อนไหวต่อสิ่งกระตุ้น ทั้งที่เป็นสารเคมีที่เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและกัมมันตภาพรังสี และที่เสมือนหนึ่งไม่มีตัวตน แต่มีผลอย่างสำคัญต่อสมองคือ ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก (
อาจรวมถึงความฝัน.....ผมเติมเอง)
ใครๆ ก็อยากมีสมองที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีอยู่มากมายที่คนซึ่งโดยปกติก็เคยเป็นคนเก่ง แต่ก็กลับกลายเป็นคนที่ใช้สมองได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
มีคู่มือหรือวิธีมากมายที่จะกระตุ้นการใช้สมองของคนเราโดยทั่วไปให้มีประสิทธิภาพ แต่ในวันนี้ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงสิ่งตรงกันข้ามคือ
คู่มือหรือวิธีที่จะทำลายประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ด้วยความหวังว่า บ่อยๆ ที่คนเรามักจะ "จำ" ข่าวร้าย หรือคำเตือนถึงวิธีการที่ส่งผลร้ายต่อตนเองได้มากกว่าข่าวดี หรือคำแนะนำถึงวิธีการที่ดี
ต่อไปนี้เป็นวิธีหรือคู่มือการทำลายประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
1.โกหกเป็นประจำ
การ โกหกเป็นประจำทำให้สมองต้องทำงานหนักกว่าปกติ จริงๆ แล้วสมองของคนเรายิ่งทำงานหนักก็ยิ่งดี และมีข้อมูลจากการศึกษาทดลองทั้งกับสัตว์ทดลองและกับมนุษย์เองโดยตรงที่สนับสนุนเรื่องนี้ แต่การทำงานหนักของสมองมีอยู่ 2 อย่างคือ
หนึ่ง : ทำงานหนักในด้านดี ด้านสร้างสรรค์
และสอง : ทำงานหนักในด้านไม่ดี ไม่สร้างสรรค์
เฉพาะการใช้สมองทำงานหนักในด้านสร้างสรรค์เท่านั้น จึงจะทำให้สมองมีประสิทธิภาพดียิ่งๆ ขึ้นไป แต่คนโกหกเป็นประจำ สมองต้องทำงานหนักเป็นพิเศษในการที่จะต้องพยายามจำสิ่งที่ได้โกหกเอาไว้ และก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนของการใช้สมองทำงานหนักอย่างไม่สร้างสรรค์ การโกหกเป็นประจำจึงเป็นวิธีหนึ่งที่แน่นอน ทำลายประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
2. คิดในทางไม่ถูกต้อง
การใช้สมองคิดในทางที่ไม่ถูกต้อง เป็นอีกวิธีหนึ่งของการทำลายประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้อย่างแน่ชัด การคิดในทางที่ไม่ถูกต้อง คือ ผิดทำนองคลองธรรม ผิดกระบวนการ ผิดจริยธรรม ผิดจรรยาบรรณ ผิดกฎหมาย ตัวอย่างเช่น การคิดหาทางร่ำรวยทางลัด การเจริญก้าวหน้าในด้านอาชีพโดยวิธีการทางลัด โดยทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นการคดโกง การประจบผู้บังคับบัญชา การวางแผนทำลายเพื่อนร่วมงาน เพื่อตนเองจะได้รับตำแหน่งแทน การคิดหาช่องทางกอบโกยผลประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ เช่น การคอร์รัปชัน การแสวงหาผลประโยชน์ทับซ้อน โดยวิธีการที่แยบยล หรือผิดกฎหมาย ผิดประเพณีปฏิบัติที่ดีงาม โดยที่ไม่ต้อง ได้รับการลงโทษ เหล่านี้เป็นวิธีที่แน่นอนอีกวิธีหนึ่งในการทำลายประสิทธิภาพการทำงานของ สมอง
3. หมกมุ่นอบายมุข
การคิดหมกมุ่นอยู่กับอบายมุข เช่น การพนัน คลั่งหวย ฯลฯ ทำให้สมองต้องทำงานหนักทั้งเวลาตื่นและหลับ เพราะเวลาตื่นก็จะหมกมุ่นหาแต่อาจารย์เด็ด เลขเด็ด ตีความหมายของการฝันให้เป็นตัวเลข เวลาหลับก็จะฝันแต่เรื่องเป็นตัวเลข พบเห็นสิ่งผิดปกติในธรรมชาติก็จะคิดเป็นตัวเลข การหมกมุ่นกับอบายมุขทำลายทั้งประสิทธิภาพการทำงานของสมองและคุณภาพชีวิต
4. (เจ้า) คิด (เจ้า) แค้น
คน เจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นประจำจะมีสภาพเป็นคนหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ไม่เป็นมงคล สมองจะถูกทำลายเสมือนหนึ่งถูกอาบด้วยยาพิษเป็นประจำ ก็จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลในการทำลายสมอง
5. เครียด ฟุ้งซ่าน
ความ เครียด ความฟุ้งซ่าน ทำให้สมองต้องทำงานหนักอย่างผิดทาง ทำให้สมองหลั่งสารหรือขาดสารบางอย่างที่หล่อเลี้ยงและกระตุ้นให้สมองได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดอาการซึมเศร้าหรือฟุ้งซ่านอย่างหนัก ถึงขั้นขาดสติยั้งคิดทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตาย
6. ไม่ยอมคิด
ตรงกันข้ามกับคนที่คิดมากอย่างผิดทาง ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงอย่างหนัก ก็คือ คนที่ไม่ยอมคิดอะไรเป็นพิเศษขึ้นมาเลย นอกเหนือไปจากการคิดเพื่อชีวิตอยู่ไปวันๆ เช่น การกินอาหาร การทำงานตามหน้าที่อย่างเคร่งครัดเท่านั้น เผินๆ อาจดูคล้ายผู้บรรลุในสัจจะแห่งชีวิตและธรรมแบบ "เต๋า"
แต่...ความว่างเปล่าของสมองแตกต่างอย่างมากกับผู้บรรลุแบบ "เต๋า"
ยังมีอีกหรือไม่ วิธีทำลายประสิทธิภาพการทำงานของสมอง?
คำตอบคือ มี!
แต่ 6 วิธีที่กล่าวถึงนี้ เป็นวิธีที่ต้องระวังกันมากที่สุด!
ผมขอเพิ่มเติมในส่วนที่ดี ที่ผมรู้ก็คือ การฟังเพลงที่ดี เคยมีการทดลองของ ดร.ซูซูกิ ที่เขียนเรื่อง กว่าจะถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว พบว่าการเปิดเพลงคลาสสิกให้เด็กฟังตั้งแต่ในท้อง จนถึงอายุไม่เกิน 10 ปี จะสามารถพัฒนาการสร้างเซลล์สมองให้เด็กได้อย่างดีมากแม้แต่ การร้องเพลงเอง จะไพเราะหรือไม่ ถ้าเราร้องเพลงให้ตัวเราเองบ่อยๆ เราจะพัฒนาสมองเรา และอารมณ์ของเราได้ ถ้าเราไม่เครียดกับการจับผิดเรื่องเสียงของเรามากเกินไป

นอกจากการพัฒนาสมองเราได้จากการฟังเพลงแล้ว การฟังเพลงยังสามารถรักษาสุขภาพของเราอีกด้วย เพลงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีผลต่อน้ำ ร่างกายของเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึง 70% สมองเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 85% ดร.มาซารุ อีโมโต้ (
www.hado.net) ได้ทำการทดลองคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยเฉพาะคลื่นเสียงที่มีต่อโมเลกุลของน้ำ พบว่าคลี่นแม่เหล็กที่ดี จะทำให้น้ำมีโมเลกุลที่เล็กลง และสร้างผลึกที่สวยงาม ในทางตรงกันข้าม คลี่นแม่เหล็กที่ไม่ดีจะทำให้โมเลกุลน้ำโต และสร้างผลึกที่น่าเกลียด การฟังเพลงดีๆ การสวดมนต์ สามารถทำให้น้ำมีพลังที่ดี (
ลองคิดดูดีๆ นะครับ น้ำมนต์ที่เรานิยมมาแต่โบราณ มีพลังรักษาโรคบางอย่างได้ ก็เพราะเหตุผลนี้) ถ้าเราฟังเพลงดีๆ บ่อยๆ หรือร้องเพลงที่เราชอบประจำ หรือแม้แต่การสวดมนต์ ฟังเทศน์ น้ำในร่างกายเราก็จะมีพลังที่ดีด้วย นั่นคือ สุขภาพเราจะดีขึ้น เป็นการรักษาตนเองอย่างนึงครับ