ตามสัญญาครับ เครื่อง OPUS 4 มาถึงมือผมเมื่อกลางอาทิตย์ที่แล้ว เปืด Burn in ไว้ 2 วัน ทำการทดสอบตอนเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา นี่คือ Review ของ OPUS 4 นะครับ เสียดายกล่องไม่ได้เอามาถ่ายรูปด้วยเพราะเอาไปเก็บไว้อีกที่อ่ะครับ ตัวกล่องสามารถถือมาได้เลยครับ ผมเลยถ่ายแต่อุปกรณ์ที่แถมมาให้ดู ส่วนเสานั้นเป็นเสาของ Wifi ครับ สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Lan และ Wifi
สำหรับเพื่อนๆ ที่เข้ามาใหม่และไม่รู้ว่า OPUS 4 คืออะไร กรุณาดูตาม Link นี้นะครับ
http://www.htg2.net/index.php?topic=56827.0อันนี้เป็นรูปอุปกรณ์ที่แถมมาครับ มีสาย wifi สายไฟ Back up CD และคู่มือ

อันนี้เป็นรูปตัวจริงของเครื่อง OPUS 4 นะครับ ขอบอกว่าสวยกว่าที่คิดไว้มาก โดยเฉพาะข้างบนเครื่องอ่ะครับ

รูปนี้ถ่ายจากมุมสูงนิดนึงนะครับ จะเห็นลายบนเครื่องค่อนข้างชัดเจน

จอที่เห็นนี่เป็น Touch Screen นะครับ ขนาดประมาณ 4 นิ้ว ก็เห็นชัดเจนดีในเวลากลางคืน สามาiรถแสดงรูปของอัลบั้ม รายละเอียดของศิลปิน และรายละเอียดของเพลงได้หลายแบบนะครับ ตามรูปข้างล่างครับ

ในรูปอาจจะเห็นเป็นเหมือนสีทองๆ นะครับ แต่จริงๆ แล้วเป็นสีเงินวาวเลย เป็นเพราะรีบถ่าย เพื่อที่จะมา Review เลยขี้เกียจปรับ White Balance นะครับ
รูปนี้จะเป็น Internet Radio สามารถฟังได้ทั่วโลก มี Station ให้เลือกฟังได้ค่อนข้างเยอะ คุณภาพเสียงก็โอเคครับ จริงๆ แล้วสามารถดูที่หน้าจอได้เลย แต่ผมเชื่อมต่อใช้ Ipod Touch เป็น remote โดยผ่าน Wifi อีกทีนึงครับ สามารถ display ได้เหมือนกับหน้าจอของเครื่องเลย สามารถปิดและเปิดได้ โดยที่เครื่อง OPUS 4 ไม่แฮงค์ และยังเล่นต่อไปได้เรื่อยๆ ซึ่งต่างจากหลายๆ ยี่ห้อ หลายๆ เครื่อง ที่ใช้ Ipod ทำเป็น remote ของ third party ดังตัวอย่างของ Station ข้างล่างนี้นะครับ เป็นของสวิตเซอร์แลนด์

อันนี้เป็น Internet Radio ของญี่ปุ่นครับ

อันนี้เป็นรูปของอัลบั้มใน Library ของเครื่อง OPUS4 ครับ

สำหรับทางด้านเสียงนะครับ เครื่องนี้มีเสียงออกไปทางโปร่ง และเสียงเบสกระชับ ออกไปในสไตล์ของเครื่องของ Proceed อ่ะครับ เครื่องนี้ถ้าเพื่อนๆ ใช้ชุดอยู่ประมาณ 3-5 แสน คิดว่าน่าจะเพียงพอ โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยน D/A ภายนอกอ่ะครับ ข้างในก็ดีมากระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่ถ้าชุดเครื่องเสียงที่มีราคาแพงขึ้น และต้องการคุณภาพเสียงระดับสุดขอบ ก็ขอแนะนำให้เปลี่ยนเป็น D/A ภายนอก ของผมได้ลองมาแล้วทั้งต่อตรงจาก RCA Output ของเครื่อง ไปยัง Pioneer SC-LX90 และผ่าน D/A ข้างในของตัว Susano เอง ปรากฎว่าเสียงดีขึ้น แต่ไม่ทิ้งกันมากเท่าไหร่ ทั้งๆที่ D/A ของ Susano เองนั้นก็เยี่ยมอยู่แล้ว พอดีมีโอกาสได้ไปเอา D/A ของ California Audio Labs รุ่น System1 ที่มีทั้งระบบถอดรหัส 2 แบบอยู่ในตัวเดียวกัน คือระบบ Multi bit และระบบ MASH สามารถสลับฟังได้ทันทีจากหน้าเครื่อง และเครื่อง Digital Compac Cassette ของ Marantz โดยใช้แต่ภาพ D/A ก็ให้บุคลิกของเสียงที่ต่างออกไปทั้ง 2 อย่างโดยรวมแล้วสุ้มเสียงดีขึ้นเป็นประกายและเปิด มิติดีขึ้น เวทีเสียงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะของ System 1 ส่วน Marantz นั้นออกไปทางนุ่มนวลตามสไตล์ของเค้าครับ D/A ที่เอามาใช้ตามความเห็นของผม คือ Weiss Minerva หรือ Emm Labs นะครับ น่าจะทำให้เสียงดีมากกว่านี้ขึ้นอีกเยอะ เพราะ D/A ที่ผมมียังไม่รองรับ 24 bit / 192 khz อ่ะครับ แต่ว่าตัวเครื่องรองรับไฟล์ FLAC ที่มี Sampling Rate สูงๆ ได้ โดยประมาณแล้วใช้เวลา Rip แผ่น CD เป็นไฟล์ Flac ประมาณ 5 นาทีต่อแผ่น (อันนี้รวมถึงใส่รูปและ information ของอัลบั้มนั้นลงไปด้วย ถ้าต่อ internet ในตัวเครื่องมีเครื่องอ่านแผ่น CD อยู่แล้วนะครับ สามารถ Rip ได้โดยที่ไม่ต้องต่อคอมฯเลย ) เมื่อ rip แผ่นเสร็จแล้ว แผ่นจะ Eject ออกมาโดยอัตโนมัติ อ้อ ลืมไป เราสามารถเลือกไฟล์ format ตามใจเราตั้งแต่ก่อน rip นะครับ ตั้งแต่ wav, flac, aac, จนกระทั่งถึง mp3 แต่ว่าถ้าเพื่อนๆ ท่านใดชอบแบบ advance หน่อย ก็สามารถใช้ program db poweramp เพื่อเพิ่ม Sampling Rate และอื่นๆ อีกนะครับ โปรแกรมตัวนี้ไม่ใหญ่และใช้ง่ายทีเดียว แนะนำครับ อย่าลืม download plug in ด้วยนะครับ วันนี้ขอจบ review คร่าวๆ ก่อนนะครับ ถ้ามีเวลาจะมาทำ review เพิ่มเติมครับ
