เมื่อวันอาทิตย์ตอนบ่ายนัดคุณแอ๊ด เพื่อไปปรับห้องHome theater กว่าจะหาเวลาได้ก็หลายอาทิตย์ขนาดว่าบ้านคุณแอ๊ดอยู่ในอุดรเหมือนกันนี่เอง

เนื่องจากคุณแอ๊ด ทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้างเลยทำบ้านออกมาได้สวยงามน่ารักมาก เสียดายมีเวลาไม่มากเลยเก็บภาพรอบๆบ้านได้นิดหน่อยเอง

ห้องHome theaterนี้คุณแอ๊ดบอกว่าสร้างได้ปีกว่าๆ ขุดลงไปทำเป็นห้องใต้ดินเลย แต่ด้วยการออกแบบและมีระบบระบายอากาศออกภายนอกที่ดีทำให้คุมความชื้นได้ดีไม่ทำให้รู้สึกว่าอึดอัดเลยเมื่ออยู่นานๆ พิสูจน์ได้จากการปรับกว่าหกเจ็ดชั่วโมง

สภาพห้องและอุปกรณ์ก่อนทำการปรับเสียง

เขาเป็นใครครับเพ่....แล้วจะมีผลต่อAcousticsของห้องไหมเนี่ย

Gear

Main=Paradigm Subwoofer=SVS

ได้เวลาเริ่มงานแล้ว

สัดส่วนของห้องนี้เป็น 3.97x5.53x2.27 คำนวณroom modes ออกมาดีมาก

เอามาplot Bonello Chart โค้งขึ้นสวยงามมาก(ถ้าไม่ดีมันจะขึ้นๆลง) จนผมต้องถามคุณแอ๊ดว่าใครคำนวณสัดส่วนห้องให้ครับเนี่ยเป๊ะเวอร์ พี่แกบอกว่าไม่ได้คำนวณครับมั่วเอาเลย ขุดได้เท่าไรเอาเท่านั้นเลย เอิ้ก.....สัดส่วนดีมาก ทำให้ผมพอจะคาดได้ว่าห้องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องเสียงความถี่ต่ำเท่าไหร่

การปรับตามมาตรฐานของHAA จะมีChecklist อยู่ในโปรแกรมเราก็เริ่มตามโปรแกรมTurbocalของเขาได้เลย
โดยการปรับจะมีทั้งการSubjective Evaluation คือการให้หูของเราฟังจริงๆ กับObjective Evaluationคือใช้เครื่องต่างๆวัดค่าออกมา เพราะหูของเราเป็นอุปกรณ์วัดเสียงที่ดีที่สุดในโลกที่ไวและสามารถพบความผิดปกติที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยในขณะเครื่องมือไม่สามารถจับได้ สังเกตุดูจากเวลาเราได้ยินเสียงแปลกๆนิดเดียวเราจะหันไปหาแหล่งเสียงนั้นทันที แต่ปัญหาคือBiasและขึ้นกับปัจจัยอย่างอื่นได้ง่ายกว่าเราเลยต้องมีเครื่องมือช่วยวัดด้วยในบางส่วนที่หูเราไม่สามารถวัดได้

HAAจะมี Reference Tracks ที่ใช้ในการEvaluationว่าเสียงที่ได้ถูกต้องตามที่ควรจะเป็นหรือไม่ แอบบอกนิดหนึ่งว่าTrackหนึ่งที่ใช้บ่อยๆก็คือTrack Hi-Lili Hi-Lo ของ Rickie Lee Jones ใช้เพื่อฟัง Response, Smoothness, Focus, Instrumental Dimension, Instrumental Textureที่สำคัญคือClarity
ผมแค่ได้ฟังแค่ประโยคแรกที่นักร้องขึ้นมา ผมก็หันไปบอกคุณแอ๊ดว่าลำโพงCenterพี่มีDriverแตกตัวหนึ่งครับ คุณแอ๊ดก็งงๆว่ารู้ได้ไง ต้องบอกว่าผมฟังTrackนี้ตั้งแต่เรียนHAAจนจำขึ้นใจแล้วว่าเสียงแต่ละเสียงเป็นยังไง ผมเลยเอาสายลำโพงCenterไปเสียบลำโพงLeft ให้คุณแอ๊ดฟันว่ามันต่างกันไหม สรุปมันต่างกันมากลำโพงCenterมีเสียงนักร้องแตกพร่าฟังไม่มีClarityเลย สรุปก็ต้องเอาไปซ่อมละครับเท่าที่ฟังน่าจะเป็นdriverตัวที่อยู่ใต้tweeterครับ
นอกจากนี้ในขั้นตอนการปรับยังพบdriverของSurround leftแตกอีกตัวหนึ่งด้วย คงต้องได้ส่งซ่อมพร้อมกันทีเดียว

ปรับไล่มาเรื่อยๆจนมาถึงSpeaker Polarity Checkโดยจะเอาไมค์ไปจ่อใกล้ๆDriverแต่ละตัวแต่ละChannelเลยว่ามีPolarityเป็น+หรือ- พบว่าลำโพงSurround ที่ใช้มันเป็นลำโพงDipoleที่มีpolarityของลำโพงทั้งสองด้านซ้ายขวาต่างกัน แต่ห้องนี้วางลำโพงทั้งสองข้างเหมือนกันเลยทำให้หันpolarityต่างกันเข้าหาลำโพงmain

ซึ่งไม่เหมือนกับคำแนะนำของTHX(คนที่เอาลำโพงDipoleมาเผยแพร่เพื่อใช้ในห้องเล็กๆ) ว่าควรจะหันpolarityที่เหมือนกันเข้าหาลำโพงmainกับลำโพงข้างเคียงดังรูป แต่ห้องคุณแอ๊ดแขวนลำโพงตามปกติมันก็จะหันข้างที่มีpolarityที่ต่างกันเข้าหาลำโพงmain ผมเลยต้องทำการUpsidedown กลับลำโพงให้มีpolarityที่หันเข้าหาลำโพงmainและลำโพงSurround Backมีขั้วเดียวกัน ดูข้างหลังลำโพงตัวนี้ก็พบว่าบริษัทเขาก็ทำที่แขวนไว้ทั้งบนและล่างแสดงว่าเขาก็รู้ว่าต้องมีการกลับลำโพงเพื่อเลือกPolarity

ทำการปรับfrequency response, Phase response ตามปกติ

ก็เป็นอย่างที่คิดไว้ว่าปัญหาเรื่องความถี่ต่ำในห้องนี้ไม่ได้มีมากมายเพราะมีสัดส่วนห้องที่ดี กราฟก่อนปรับเส้นสีเขียวก็ไม่พบการringingมากเท่าไร่ มีแค่dipนิดหน่อย ก็เลยทำการkick subตามวิธีที่ผมเคยเขียนไว้ในหนังสือVideophileลองไปหาเล่มเก่าๆอ่านดูได้ หลังปรับได้frequency responseตามเส้นสีแสดก็ถือว่าดีทีเดียว

ปรับเสร็จเรียบร้อยก็ได้ตำแหน่งนั่งฟังใหม่ ตำแหน่งลำโพงต่างๆใหม่ดังรูปครับ


เสียงที่ได้หลังปรับก็เหมือนห้องอื่นๆที่ผมเคยไปปรับครับ เพราะไม่ว่าผมไปปรับบ้านไหนเสียงออกมาก็ใกล้เคียงกันหมด555 แต่ถ้าเทียบกับก่อนปรับต้องบอกว่าเหมือนหนังคนละม้วนครับทั้งเสียงเบสที่ก่อนปรับจะเอื่อยๆไม่มีพลังphaseความถี่ต่ำก็ไม่ตรงทำให้เวลาตีกลองชุดเหมือนกลองอยู่คนละชุดกัน แต่หลังปรับphaseของเสียงแล้วมาเลยครับpowerful,fast,tight,deep,clean โดยเฉพาะเรื่องการ punch กับ impactของเสียง เสียงด้านอื่นๆก็ได้ตามมาตรฐานครับ

ก่อนกลับก็ขอถ่ายรูปร่วมกับคุณแอ๊ดสักหน่อย และต้องขอบคุณมากครับที่ให้โอกาสผมได้เข้าไปฝึกปรับหาประสบการณ์ในวันนี้เผื่อวันหน้าผมจะได้เก่งๆเหมือนมืออาชีพคนอื่นเขามั่งครับ
