พี่ๆท่านใดสนใจสามารถทดสอบได้ในงาน BAV ชั้น 14 ห้อง 1430 พร้อมรับสิทธฺิพิเศษ ขอบคุณครับระเบิดเสียงให้ลั่นไม่หนักกบาลใคร !! รีวิว Sony MDR-DS7500 7.1 Channel Wireless Headphone
เจอกันอีกแล้วนะครับพลพรรคหูเทพและแฟน ๆ HDPLAYERTHAILAND ทุกท่าน ไหนขอถามหน่อยครับว่าที่อยู่ในนี้ใครอยู่คอนโดหรือหอพักบ้างครับ ? ผมคนนึงแหละที่อยู่หอพัก ซึ่งปัญหาที่ทำให้เราหนักใจเป็นประจำนั่นก็คือขนาดห้องที่เล็กเกินกว่าจะวางชุดโฮมเธียร์เตอร์ลงไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความที่มีห้องชิดติดกันเราจึงไม่สามารถที่จะเปิดเสียงดัง ๆ ให้สนั่นสะใจได้เท่าไรนัก ฉะนั้นในวันนี้ผมจึงมีอุปกรณ์จะมาแก้ไขปัญหานี้ ให้ทุกท่านได้มีอิสระในการรับฟังเสียงได้อย่างเต็มที่ นั่นก็คือ Sony MDR-DS7500 !!

Sony MDR-DS7500 คือหูฟังไร้สายที่รองรับระบบเสียงเซอร์ราวด์ทุกรูปแบบ !! อ่านไม่ผิดหรอกครับ ไร้สาย !!! รองรับเสียงเซอร์ราวด์เกือบทุกรูปแบบ !!! โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟอร์แมต DTS-HD Master Audio และ Dolby TrueHD เรียกได้ว่าหาได้ยากมาก ๆ นะครับสำหรับหูฟังครบเครื่องระดับนี้ โดยหูฟังตัวนี้จะมาพร้อมกับตัวส่งสัญญาณ(Transmitter) ที่เป็นตัวถอดรหัสเสียงเซอร์ราวนด์ภายในตัวซึ่งจะใช้สัญญาณ RF(2.4 GHz Radio Frequency) ในการส่งเสียงมายังหูฟังเราขณะใช้งานนั่นเองครับ
Sony MDR-DS7500 Specification
- Driver unit: 50mm (CCAW voice coil adoption)
- Reproduction bandwidth: 5-25,000Hz
- Power supply: Built-in lithium ion chargeable battery
- Battery life: 18 hours (With fully charged built-in lithium ion chargeable battery)
- Weight: 325g, processor - 480g
- Decoder: Dolby TrueHD, Dolby Digital Plus, Dolby Digital, Dolby Pro Logic IIx, DTS-HD Master Audio, DTS-HD High Resolution Audio, DTS 96/24, DTS-ES, DTS, DTS Neo:6, MPEG-2 AAC, LPCM 2ch/5.1ch/7.1ch, Dolby Pro Logic IIz
- Input terminal: HDMIx3, Opticalx1, Stereo pin jack x1
ราคา 19,900 บาท
ดูรายละเอียดคร่าว ๆ กันไปแล้วเรามาเริ่มทะยอยไล่เรียงกันไปเลยนะครับว่าในกล่องนี้มีอะไรมาให้บ้าง..

ภายในกล่องก็จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ดังรูปด้านบนเลยครับซึ่งก็ได้แก่หูฟัง,ตัวส่งสัญญาณ, อ
ะแดปเตอร์(หูฟัง,ตัวส่ง) และสาย Optical แถมมาให้ครับพร้อมใช้งานได้ทันที

ตัวเครื่องส่งสัญญาณด้านหน้าครับ มีหน้าปัดแสดงผลรูปแบบของเสียงเซอร์ราวด์ที่ใช้งานขณะนั้นระบุไว้อย่างชัดเจน
สามารถส่งสัญญาณเสียงด้วยคลื่นวิทยุที่ความถี่ 2.4 Ghz

ด้านข้างคือสวิตช์สำหรับตั้งค่าสัญญาณ RF ว่าจะให้เลือกความถี่ให้เลย
หรือจะตั้งเองในกรณีที่ไปชนกับอุปกรณ์ชิ้นอื่นภายในบ้านครับ

ด้านหลังประกอบไปด้วยช่อง HDMI ( In 3, Out 1), Optical In-Out และช่อง Analog In
ให้เราสามารถนำไปใช้งานได้กับอุปกรณ์ได้อย่างหลากหลาย และสามารถ Pass-through เสียง
ไปยังทีวีได้โดยอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งานหูฟัง (ถอดออกจากศีรษะ)

ปุ่มควบคุมการใช้งานบริเวณด้านบนฝั่งซ้ายครับไว้สำหรับเลือกค่า Input และเอ็ฟเฟกต์ต่าง ๆ

ทางขวาเป็นปุ่มเปิด-ปิดธรรมดาทั่วไปครับผม

ตัวหูฟังมีหน้าตาดังรูปครับ สามารถควบคุมการทำงานของตัว Transmitter
ได้ที่ปุ่มบริเวณไดร์เวอร์ทั้งสองข้างครับเรียกได้ว่านั่งกันยาวรากงอกไม่ต้องลุกไปทำอะไรเลย

บริเวณไดร์เวอร์ด้านซ้ายจะเป็นปุ่มเปิด-ปิดระบบ และช่องเสียบสายชาร์จตัวหูฟังครับ
โดยแบตเตอรี่จะเป็นแบบลิเธียมไอออน ช่วยให้ฟังต่อเนื่องได้มากถึง 18 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ดีไซน์ทั่วไปของ Sony MDR-DS7500 ค่อนข้างจะออกมาในแนวเรียบ ๆ นะครับไม่หวือหวาอะไรมาก ลองหยิบหูฟังมาครอบหูดูคร่าว ๆ พบว่าฟองน้ำนิ่มใช้ได้ โครงสร้างโดยรวมออกแบบมาให้ใส่สบายครับ ไม่บีบขมับจนปวดหู แต่ให้ความรู้สึกครอบล้อมอย่างนิ่มนวล ถือว่าไม่แน่นไม่หลวมจนเกินไป แต่ถ้าจะใส่แล้วโยกสะบัดไปตามเสียงดนตรีก็อาจจะต้องหาอะไรมามัดติดกับศีรษะซะก่อนนะครับ เพราะหลุดแน่(ฮา)
อย่างที่ทราบกันในหน้าแรกนะครับว่า MDR-DS7500 เป็นหูฟังเซอร์ราวด์ 7.1 แชนแนล ที่มีตัวถอดรหัส DTS-HD Master Audio และ Dolby TrueHD ภายในตัว เอาตรง ๆนะ ผมรู้สึกว้าวมาก ๆเลยทีเดียวกับหูฟังที่แถมฟีเจอร์ผิดธรรมชาติระดับนี้ หรือจะพูดว่ามันคือความหวังของชาวหอพักที่อยากชมโฮมเธียร์เตอร์ดังลั่น ๆ แต่กลัวจะมีปัญหากับห้องข้างเคียงเลยก็ว่าได้

แผนผังการเชื่อมต่อเพื่อรองรับระบบเสียง HD ของซิสเต็มครับ
การเชื่อมต่อซิสเต็มทั่วไปก็จะเป็นไปตามแผนภาพด้านบนเลยนะครับผม ราวกับว่าเรากำลังเชื่อมต่ออยู่กับ AVR ตัวนึงเลยก็ว่าได้ โดยนอกเหนือไปจากสาย HDMI แล้ว เรายังสามารถเลือกที่จะใช้รูปแบบอื่นอย่าง Optical หรือ Analog ได้อีกด้วย

บริเวณครอบหูด้านขวาจะใช้เป็นตัวเพิ่มลดเสียง, เลือก input และเลือก effect เสียงของระบบ

พลิกให้ดูกันชัด ๆ นะครับ จะเห็นว่ามีปุ่มกดสำหรับปรับ Center และ LFE ได้
ไว้สำหรับกรณีที่เสียงพูดเบาเกินไปก็กดเพิ่มที่ Center หรือหากเบสไม่สะใจก็อัด LFE ขึ้นไป
ถือว่ายืดหยุ่นกับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับการทดสอบนั้นทีมงานได้ทำการต่อเข้ากับ Oppo BDP-95 ตัวเก่งประจำออฟฟิศเช่นเคย พร้อมกับลองฟังเสียง 7.1 กันแบบเน้น ๆ ด้วยภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง Toy Story 3 ที่ถูกบันทึกมาแบบ 7.1 แชนแนล ในฉากเปิดที่เป็นการไล่ล่าระหว่างนายอำเภอวู๊ดดี้กับเหล่าวายร้าย สิ่งแรกที่เราสัมผัสได้ก็คือเสียงที่มีการอ้อมหน้าหลังให้เห็นแบบที่เราไม่เคยได้รับมาก่อนกับการใส่หูฟัง เสียงระเบิดเสียงเบสถูกขับออกมาได้อย่างมีมิติ ทำได้ดีสมกับเป็นเซอรราวด์เฮดโฟนจริง ๆ
นอกเหนือจากฟีเจอร์การถอดรหัสเสียงแบบ HD ทั้งสองแบบแล้ว (DTS-HD Master Audio, Dolby TrueHD) หูฟังตัวนี้ยังมีเอฟเฟ็คเสียงให้เราเลือกใช้เพื่อสร้างอรรถรสในการฟังให้มากขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งได้แก่ Cinema, Game และ Voice(Stereo) แต่ละแบบจะให้มิติที่แปลกต่างกันออกไป อย่างเช่น Cinema เมื่อเปิดแล้วจะเป็นการจำลองเสียงให้โอบล้อมมากขึ้น และดันย่านเบสให้อึกทึกขึ้นได้อารมณ์ไปอีกแบบ
อย่างไรก็ตามทีมงานอยากจะแนะนำให้เลือกทดลองฟังแบบไม่ใช้เอ็ฟเฟ็คก่อน เพื่อเป็นการฟังเสียงที่ถูกถ่ายทอดมาแบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ ไม่ผ่านการปรุงแต่งใด ๆ ซึ่งจะให้ไดนามิกและโทนัลบาลานซ์ที่ดีกว่าการเปิดใช้งานเอ็ฟเฟ็คจำลองเสียง ถ้าฟังดูแล้วไม่ถูกใจก็ค่อยไปลองเปิดเอ็ฟเฟ็คดูครับ

มาดูรูปแบบเต็ม ๆ กันอีกครั้งครับ แม้ว่าตัวหูฟังไม่สามารถปรับระดับความสูงต่ำของไดร์เวอร์ได้
แต่ตอนที่ครอบลงไปสายคาดที่เห็นตรงกลางจะร่นเข้าไปตามขนาดศีรษะจนไดร์เวอร์ได้ระดับพอดีหูเองครับ
ลองเปลี่ยนแนวจากการรับชมภาพยนตร์อึกทึกครึกโครม มาลองเล่นเกมส์ดูบ้างครับ ด้วยการต่อผ่านคอมด้วยสาย HDMI โดยเกมส์ที่ใช้ทดสอบก็คือ Call of Duty : Modern Warfare 3 ก็บอกกันแบบซื่อ ๆ เลยครับว่ามันเป็นอารมณ์มันส์สะใจแบบไม่กวนใครจริง ๆ แต่ก่อนผมต้องคอยระวัง ต้องหรี่เสียงเบา ๆ กลัวว่าข้างห้องจะด่า แถมช่วงเวลาที่เราเล่นเกมส์ก็เป็นตอนกลางคืนซะมาก แต่ถ้ามีหูฟังตัวนี้ล่ะก็ เปิดหนักจัดเต็มได้เลยไม่ต้องกลัวว่าข้างห้องจะได้ยิน !!
จากการฟังแบบโหด ๆ ผมเปลี่ยนมาลองฟัง 2 แชนแนลกันบ้างครับ เดี๋ยวจะหาว่าหนักไปทางดูหนังอย่างเดียว ซึ่งแทร็คที่ใช้ก็ยังเป็นแทร็คเดิม ๆ อย่าง Guess You Had To Be There - Janis Ian ซึ่งเสียงที่ได้ออกไปในโทนฟังสบาย และได้เบสตามซิกเนเจอร์ของหูฟังโซนี่ คืออัดกระจายออกฟุ้งนิดหน่อย พอคละคลุ้งไปกับเครื่องดนตรีชิ้นอื่นในระดับที่รับได้ ไม่ได้น่าเกลียดอะไร เพราะมันยังช่วยให้ไดนามิคเสียงจับต้องได้มากขึ้นไม่แบนราบจนเกินไปครับ

หัวใจหลักสำคัญของหูฟังไร้สายก็ืคือตัวส่งสัญญาณหรือ Transmitter ตัวนี้นี่เองครับ

หน้าปัดของ Transmitter จะคอยแสดงสัญลักษณ์บอกถึงรูปแบบเสียงเซอร์ราวด์ที่เล่นอยู่
และ Input รวมไปถึงเอฟเฟ็คจำลองเสียงที่ใช้อยู่ในขณะนั้นด้วย
จากการคลุกคลีอยู่กับน้อง MDR-DS7500 เป็นเวลาหนึ่ง ผมก็พบว่าน้องเค้าเป็นหูฟังสู้งานจริง ๆ เธอทำได้ทุกอย่างที่เราไม่เคยคาดหวังมาก่อน อย่างเช่นการถอดรหัสเสียงเซอร์ราวด์แบบ HD จากทั้งสองค่ายดัง ทำเอาคนรักหนังหัวใจละลายแต่แรกพบ แล้วไหนจะเป็นระบบไร้สายที่มีความเสถียรในระดับที่นิ่งมาก ผมใส่ถูบ้านพร้อมกับฟังเพลงไปด้วยอย่างสบายอารมณ์เป็นอย่างมาก ยิ่งในช่วงของเทศกาล EURO 2012 ที่บอลมาดึก ๆ ผมก็สามารถฟังเสียงกองเชียร์ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าคนจะด่าบุพการี MDR-DS7500 เธอปรนนิบัติผมได้อย่างเยี่ยมยอดจริง ๆ

แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยถนัดเรื่องงานที่ต้องใช้ความปราณีตสูง(ฟังเพลง 2 แชนแนล) แต่เธอก็ถ่ายทอดออกมาได้น่ารักในแบบของเธอดั่งที่ต้นสังกัด(Sony)หวังจะให้เธอเป็น ก็ขอสรุปไว้ตรงนี้เลยนะครับว่าชาวหอหัวใจเหงาหงอย ที่ริอยากจะดูหนังแบบ 7.1 เซอร์ราวด์เสียงดังโหวกเหวกแบบไม่ต้องกังวลข้างห้อง น้อง MDR-DS7500 สุดยอด All Arounder Wireless Headphone คนนี้คือคนที่พวกคุณตามหามานานแล้วล่ะครับ
Sony MDR-DS7500
ราคา 19,900 บาท
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
บริษัท ไนซ์ตี้ช็อป จำกัด
Like
- ถอดรหัสเสียงเซอร์ราวด์ได้หลากหลายแบบ บ้านใคร AVR ยังเป็นรุ่นเก่ายกตัวนี้ไปเสียบได้ฟังเสียง "TrueHD" แน่นอน
- ตัวไดร์เวอร์หูฟังครอบใบหูเราพอดี ทำให้ไม่เกิดอาการเจ็บใบหูเวลาใส่ไปนาน ๆ
- สัญญาณไร้สายแบบ RF ในความถี่ 2.4 GHz ที่เสถียรมาก ๆ ผมทดสอบที่ระยะ 3-5 เมตร มีกำแพงปูนและไม้กั้น ก็ไม่มีอาการสะดุด
Dislike or Should have
- น่าจะมีสัญลักษณ์แสดงจำนวนแบตเตอรี่คงเหลือของหูฟัง บนหน้าจอของ Transmitter
- ฟองน้ำบริเวณที่คาดศีรษะและไดร์เวอร์มีสิทธิเปื่อยได้ง่าย ต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อย ๆ
คะแนน Sony MDR-DS7500
รูปลักษณ์ (Design) 7.5
เสียง (Sound Quality) 8.5
การเชื่อมต่อ (Connectivity) 9.0
ราคาและความคุ้มค่า (Value) 8.5
คะแนนตัดสิน 8.3
HDPLAYERTHAILAND.COM Score