จริงๆ เรื่องการใช้ Sub หลายตัว โดยปกติ ถ้า Sub ตัวนั้นมีคุณภาพที่ดีพอ ยิ่งใช้หลายตัวก้อจะยิ่งดีครับ เนื่องจาก ใช้ Sub 2 ตัว รุ่นเดียวกัน วางข้างหน้าทั้งคู่ จะให้ค่า Sensitivity เพิ่มขึ้นอีก 6 dB เลยทีเดียวครับ เพราะฉะนั้น Stroke ในการทำงานดอกลำโพงของ 2 ตู้ จะขยับน้อยกว่า ตู้เดียวเยอะครับ เพราะฉะนั้นก้อจะมีความเพี้ยนในระบบน้อยกว่า เบสเก็บตัวได้เร็วกว่า และมี Head Room Dynamic เหลือเยอะกว่าครับ
การใช้ Sub 2 ตู้วางข้างหน้า VS 2 ตู้วางหน้าหลังทแยง ผมมีข้อแนะนำว่า ถ้า Set up ไม่เก่งวางหน้าให้หมด Set up ง่ายกว่า เพราะท่าวางหน้าหลัง แล้ว Set ไม่เป็น โอกาศเละมากกว่าดีครับ เพราะต้องคำนึงถึงเรื่อง Phase Error จากระยะทางของ Sub ตู้ที่ 1 และ 2 ให้เสียงเดินทางมาถึงตำแหน่งนั่งฟังไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นเราจะต้องปรับ Delay ตู้ที่ใกล้กว่าช่วย ซึ่งไม่ง่ายเลย
นอกจากนี้ ยังต้อง Set ค่า Output Level ของทั้ง 2 ตู้ให้พอดี ซึ่งถ้าคิดจะใช้ Sub ตัวหนึ่ง วางอยู่หน้า ใกลมากกว่า ตู้ที่ 2 ที่อยู่ใกล้ตัวมากกว่า แนะนำให้หา Sub ตัวที่อยู่ด้านหน้ามีความไวสูงกว่า ประสิทธภาพเหนือกว่า Sub ที่อยู่ใกล้ตัวประมาณ 3-4 dB ครับ เพราะ Sub ที่อยู่ใกลตัวเราจะต้องทำงานมากกว่าตัวที่อยู่ใกล้มากกว่าเยอะครับ
สำหรับคุณภาพของ Sub ยิ่งต้องการใช้ Sub หลายตู้ ยิ่งต้องหา Sub ที่ดี เก็บตัวเร็วมาใช้ครับ เพราะจะทำให้การ Set up Sub หลายตัวง่ายขึ้นครับ เพราะถ้าวาง sub หน้าหลัง และเจอ Sub ที่ช้าหรือเบลอ มากๆ จะฟัง Phase ของเบสไม่รู้เรื่องเลยครับ คือ set ยังไงก้อเละครับ มีแต่เสียงครางออกมาเต็มห้อง ดังอย่างเดียว แต่หาตัวโน๊ตไม่เจอเลยครับ ซึ่งก้อแปลกนะครับ บางท่านชอบเสียงแบบนี้เหมือนกัน บอกว่ามันแผ่ดี อันนี้ก้อนานาจิตตังครับ แต่สำหรับผมๆ ชอบเบสที่กระชับ ชัด สะอาดหยุดตัวได้เร็ว และเสียงไม่ไปกวนลำโพงหลักครับ
สำหรับการต่อ Sub 2 ตัว จาก output ของ AVR Sub output Channel เดียว ให้ใช้ตัว Y adapter ต่อได้เลยครับ แต่ที่ตัว Sub ไม่ต้องนำไปต่อเข้าทั้ง Ch ซ้าย และขวา ครับ ให้ต่อเข้าช่อง ซ้ายหรือขวา ช่องใดช่องหนึ่งพอแล้วครับ เพราะการต่อเข้าทั้ง 2 ช่อง จะไปเพิ่ม Load ให้กับ Output ของ AVR เปล่าๆ ครับ และถ้าต่อพ่วงมากๆ อาจทำให้ Sub output ของ AVR ไหม้ได้ครับ
คงพอเห็นแนวทางบ้างนะครับ
