จริงๆแล้วผมก็ฟังมันทุกแนวล่ะครับ ตั้งแต่ลูกทุ่งยันคลาสสิก แล้วแต่อารมณ์ครับ

ข้างล่างนี่เอามาฝากครับให้อ่านกันมันส์ๆ จากเว็บบอร์ดกีต้าร์ไทยครับ

แบบว่าอ่านแล้วนึกถึงบรรยากาศตอนไปนั่งที่ Rock Pub น่ะครับ dd
Hi Rock history
รวมตั้งแต่ตอนที่ 1-10 ด้วเลยครับ
1 ก่อนพระอาทิตย์ตกดินที่ Rock Pub เชิงสะพานหัวช้าง
ปลายปี31 ผมเดินผ่านทุกเย็นๆ เดินข้ามสะพานหัวช้างเพราะ 6โมงเย็นผมต้องไปเล่น โฟล์คซอง ที่ สยามเซ็นเตอร์ ชื่อ ร้านการูด้า เมื่อก่อนชื่อ ดรายฟาย วัยรุ่นยุคนั้น น่ารู้จัก เพราะถิ่น สยาม มีวงดนตรีฝีมือดีๆอยู่เยอะ เช่น รงค์ วงสเตอร์ ของ แกรมมี่ เมื่อก่อนเขา อยู่วงดีไซเนอร์ และมือ เบส แบลกเฮด เป็นต้น
กลับมาที่หน้า Rock pub ต่อ ผมเห็นพวกวง kalaidoscope นั่ง เล่นทุกเย็น สันนิฐานว่า คงจะซ้อมดนตรี เสร็จ เห็น พี่ชัคกี้ พี่ต้อม พี่ทุย พี่โก้ พี่อ้วน เห็นแล้วกระสัน มือ เท้า เกร็งไปหมด ใจคอสั่น เพราะวิญญานเฮฟวี่เข้ากลับมาสิงร่างอีกแล้ว หลังจากเหือดหายไปนาน ตั้งกะจบมัธยมจากโรงเรียนสวนกุหลาบ เพราะช่วงเรียนมัธยมอยู่นั้น ผมเป็นวงหนึ่งที่ประจำวิกโรงหนัง เอเธน ช่วง 6 โมงเช้า รายการ Long live rock n roll นั่นก็คือ วง SADISM ในยุคนั้น มีวง inferno ของพี่โป่ง แต่ผมรู้จักกะ พี่เค้า ตั้งแต่ วง naon พี่สายเล่นกีต้าร์ ไปรู้จักเขาที่งานโรงเรียนเตรียมอุดม เขาเล่นต่อจากวงผม ผมเห็นพี่สายตอนนั้นแทบคลั่ง ท่าทางแกสุดยอดสวยงาม ผมก็คิดว่าตัวผมเองท่าก็แน่แล้ว ยังเจอเจ๋งอีก ทนไม่ไหวเลยไปสวัสดีทักทายพี่เค้า เลยรู้จักกันมาตั้งแต่บัดนั้น
กลับมาที่วงโฟล์คซองของผมก่อน ผมก็ตะหงิดๆ คุยๆกะเพื่อนๆ เปลี่ยนแนวเล่นกันดีกว่า เลยเปลี่ยนมาเล่นแกรี่มัว พิ้งค์ฟลอยด์ ควีน และอีกหลายๆวง ด้วยความคิดว่า สักวันอยากจะไปนั่งที่เก้าอี้ หน้า Rock pub เหมือนพวกพี่ๆเขาบ้าง ไฟเริ่มมาแล้วตอนนี้ หึกเหิมมาก หลังจากเลิกเล่น ตอนดึกผมก็ได้เข้าไปดู พี่ชั๊กกี้ ผมชักนึกย่ามใจขึ้น เมื่อวงผมเข้มแข็ง ผมจะมาaudition ที่นี่แน่นอน
เอาล่ะ มีตอนต่อไป ตอนนี้เนทจะตัดแล้ว ช้าก็ช้า ดันตัดไวอีก กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ใครมี User name กับ password ฟรีๆช่วยเมล์มาบอกหน่อย ตอนหน้ารอสักพักนะ ไปซื้อน้ำแข็งก่อน
2 Audition Rock pub เลย
หลังได้ซื้อ น้ำแข็งมามากพอที่จะปั้นน้ำให้เป็นตัวได้แล้ว เราก็มาเริ่มฉากต่อไปได้แล้วครับ
วงโฟล์คซอง ของผมเริ่มเปลี่ยนแนวแล้วครับ กลายเป็นวงร็อค ที่เล่นก็เพิ่มขึ้นมาทันตาเห็น เล่นวันละ 4 ที่ โด่งดังพอสมควรในย่าน สยาม นั่นคือ วงอวกาศ หลังจากเล่นที่สุดท้าย คิด birthday ข้างล่าง โรงหนังเพรสสิเดนท์ วงหลังจากผมถ้าจำไม่ผิด คุณ ฟอร์ด เล่น ผมก็มาเที่ยวที่ Rock pub เกือบคุณคืน พยายามให้คุ้นกับเจ้าของร้าน นั่นคือพี่ตุ่ม ผู้มีเมตตากับวงร็อคทุกวงในสังกัดท่าน โอกาสก็มาถึงผม ผมเลยบอกพี่เค้าไปว่าเปิดให้ออดิชั่นหรือป่าว เขาบอกว่าออดิชั่นได้ผมก็เลยนัดวันกะพี่เค้า
เมื่อวันนัดหมายมาถึง ผมก็มาถึงที่ร้าน ก่อนทุ่ม มาออ ก่อนร้านเปิดตอนนั้น นักดนตรีในร้านมี ชัคกี้ พี่ต้อม คาไล และอีกหลายคนอ่ะ นั่งชมการแสดงของวงโฟล์คที่ยิ่งใหญ่ วงอวกาศ นั่นเอง ผมลงมือสาดเพลงแรกเลยของ Garry moore เพลง The loner, Falling in love white you ตามด้วย Queen, Pink floyd และอีกหลายต่อหลายเพลง คนเริ่มเข้าร้านมาบ้างแล้ว บรรยากาศ เริ่มไม่ใช่ ออดิชั่นแล้วพวกเราเพลิดเพลินประหนึ่งว่าเป็นร้านที่เราเล่นประจำ เล่นไปจนหมดเพลง พี่ตุ่มยืนดูอย่างพอใจ เมื่อลงมาจากเวที ผมก็เลยถามแกว่าเป็นไงบ้างพี่ๆเขาก็ตอบไปว่า........
ต้องหยุดแค่นี้ก่อน พี่ต้องไปซื้อน้ำตาลปี๊บ มาแกงเขียวหวานก่อน คอยอ่านตอนต่อไป พรุ่งนี้
3 พี่ตุ่ม Rock pub สั่งเบียร์มาเลี้ยง (Kloseter)
ลงมาจากเวทีอย่างชื่นมื่น จิบเบียร์ไปคุยเรื่องจิปาถะเรื่อยเปื่อย พอดีตอนนั้นหุ้นกะเพื่อนทำสกรีนเสื้อและพวกสติ๊กเกอร์ ก็คุยว่าเดี๋ยวจ้างผมทำดีกว่า (เมื่อก่อนที่ร้านก็มีสติ๊กเกอร์ เสื้อขายแล้ว) พอดีพี่ตุ่มเขาอยากเปลี่ยนเจ้าทำ เลยอาสาจะทำให้เขา ได้เวลาพอสมควรจะต้องไปเล่นโฟล์คแล้ว ก็แว๊บเข้ามาคุยเรื่องวงถามพี่แกว่าแล้วที่วงเป็นไงครับ พี่แกก็ตอบไปว่า เออ ซาวด์มันไม่ได้ว่ะ ที่นี่ใช้กลองสดตี แต่เผอิญวงผมใช้ TR707 Roland ซาวมันไม่ได้ ต้องไปหามือกลองมาตี ผมก็ตัดสินใจชวนพี่ตุ่มเค้ามาตีกลองที่วง เพราะถ้าแกอยู่ที่วง เราต้องได้เล่นร้านนี้แน่ๆ แต่แกปฏิเสธ แกเลิกตีแล้วตอนนี้หันไปตีอย่างอื่นแทน ผมก็เลยลากลับไปและ บอกแกส่งท้ายว่าเดี๋ยวไงได้มือกลองมาแล้ว ค่อย มาออดิชั่นใหม่นะ แกก็โอเค
ผมก็กลับมาเล่นโฟล์คตามเดิม และก็รับออเดอร์ เสื้อ กับ สติ๊กเกอร์ เรื่องคิดเล่นที่ร้านก็ซาๆไป เหตุการณ์สงบไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อยู่มาวันหนึ่ง มีเพื่อนตั้งกะสมัยเล่นวง Sadism ตอนรุ่นๆ มานั่งที่ร้านที่ผมเล่นอยู่ ตอนนั้นกะลังเล่น Everybody need a friends เพลงนี้โซโล่ยาวเป็นไมล์ถึงจำได้ เมื่อจบเพลงผมก็ลงมาจากเวทีนั่งคุยกับเพื่อน และแล้ว มันมีคำหนึ่งที่สะดุดใจผมคือ ไอ้ตุ้ย เวทีนี้มันเล็กไปสำหรับมึง คำๆนี้ทำให้ผมนอนคิดอยู่ไม่กี่วันว่า ถ้าขืนเล่นอยู่แบบนี้ ถึงเงินจะดี เล่นหลายที่ ชวนพวกที่เล่นอยู่เค้าคงไม่มาเล่นหรอกเล่นที่เดียว ก็คือ Rock pub นั่นเอง จึงบอกที่วงไปว่าให้ไปหามือกีต้าร์ใหม่เหอะนะ อีกเดือนนึง เราจะออกไปทำวงร็อคแท้ๆอย่างที่เราชอบ
วันเวลาผ่านไป เขาหาได้แล้ว และก็ซ้อมกันได้ที่แล้ว ผมก็ต้องอำลาเวทีโฟล์คของผมแล้ว ได้เวลาแล้ว ทันทีที่ผมออกมาผมนึกถึงไอ้แมค เอาล่ะกลับไปคุยกะมันดีกว่า
เอ้า...ได้เวลารถกับข้าวมาแล้ว เมื่อวานลืมใบโหระพา ต้องลาไปแค่นี้ก่อน เดี๋ยวรถไป ไม่ได้แกงกันซักที
4 ตามหาตัว MAX ให้เจอ
หลังจากที่ผมออกมาจากงาน ผมก็ได้ข่าวว่า แมค เปิดห้องซ้อมแถว กม 8 รามอินทรา ทำไมถึงต้องตามหาแมค สงสัยไหมครับ คือเมื่ออดีต ผมได้รู้จักกันโดยบังเอิญ คือเงินบาทเดียวเอง
เมื่อสมัยจบมัธยม ผมก็ไปต่อในขั้นอุดมศึกษาตามลำดับช่วงนั้น นึกอยากๆเล่นดนตรี จึงไปซื้อหนังสือ วัฎจักร มาหานักดนตรีจะเล่นด้วย ผมก็หาไปเรื่อยๆ ไปสะดุดที่ แมค เขาบอกว่าเขามีเครื่องดนตรีรับออกงานและก็เล่นคีย์บอร์ด ผมเลยหยอดเหรียญไปคุยกะแมค นัดเจอกัน พูดจาเข้ากันได้ดีเลยมาทำวงด้วยกัน เคยไปเสนอค่าย ซาวด์สเกล ศิลปินตอนนั้น ที่จำได้ คนคู่ ที่ตอนนี้อีกคนได้ไปอยู่ อินคา พวกเราคงจำกันได้ และอีกหลายอ่ะครับ จำไม่ได้แล้ว นานมาก ผมกับแมคเคยรวมวงและไปเสนอค่าย ตอนออดิชั่น มีจอมยุทธ มาดูหลายเลย เช่น สุรสีห์ พนเทพ สุวรรณบุณ (โปรดิวเซอร์คู่ใจ พี่ ชรัส) อีกมาก รวมแล้ว 5 คน ผมก็ออดิชั่น คิดดูครับ แมค ไม่กล้าเปิดกล่องคีย์บอร์ดออกมา บอกว่าตุ้ย มือสั่นว่ะ เปิดกล่องแล้วหยิบให้หน่อย อ่ะมาต่อ พวกเราก็ออดิชั่นไปด้วยความหวาดกลัวต่างๆนาๆ ที่วัยๆนั้นพึงกระทำ ผลหรือครับ ออกมาว่าไง...พี่บุษบา เจ้าของค่ายเขาไปคุยกับเหล่า โปรดิวส์รุ่นเดอะเหล่านั้น ท่านบอกว่าเล่นไม่ธรรมชาติ แข็งไป ต้องปรับปรุง ดังนั้นพวกเราก็เดินคอตก กลับมาที่ห้องซ้อม แล้วก็เริ่มซ้อม หาเหตุต่างๆที่บกพร่อง ทำไปทำมาพวกเพื่อนๆก็เริมมีงานส่วนต้วเข้ามาต่างคนไม่ค่อยมีเวลาก็หายๆกันไป ผมก็ไปเล่นโฟล์คซองไงล่ะครับ ดังที่กล่าวมาในตอนที่1
ผมแกงเรียบร้อยแล้วครับ แต่ยังไม่ได้กินเลยเดี๋ยวแกงบูด แล้วค่อยมาติดตามตอนต่อไปครับ
5 รวบรวมหน่วยกล้าตาย ไม่กลัวอดมา ซ้อมๆๆกัน
หลังจากที่ผมได้ไปหา แมค ที่ห้องซ้อม กม 8 ผมก็เริ่มคุยถึงเรื่องอยากทำวงไปลง Rock pub แมคเขาก็ไม่ได้ตอบไรเพราะว่าการทำวงไปเล่นตามผับ อาจจะธรรมดาๆสำหรับเถ้าแก่อย่าแมค ผมก็ระดมยิงความฝันอันสวยหรูไปอีกว่า ที่นั่นคนเที่ยวเยอะ สักวันถ้าเรา เลือกเพลงดีๆเล่น หาคนหล่อๆเล่นในวงอาจจะเตะตาแมวมองบ้างหล่ะ (ยุคนั้นไม่ค่อยมีประกวดดนตรีหรอกครับ ถ้ามีก็พวกวงแจ๊ส หรือนักร้อง) ทางที่ผมคิดเป็นทางเดียว เลยรวบรวม พรรคพวกเมื่อก่อนมาก็ได้ หนุ่ย มาเล่นเบส สมนึกมาเล่นกลอง แมคคีย์บอร์ด ผม กีต้าร์ วางแนวเพลงกันเลย ก็สรุปมาได้ว่า มีเพลงของ สไตร์เปอร์ แกรี่ มัวร์ ไวท์ สเน็ก พ้อยท์ซั่น และอีกเยอะ ซ้อมกันไปที่ห้องแมคนะ วันละสองถึงสามชั่วโมงซักสามเดือน ให้ทุกคนเสียสละเวลามาหน่อย บ้านแต่ละคนก็ไกลๆกัน ต่างก็มา มือกลองอยู่บางแค ผมอยู่ เมืองทอง เบสอยู่หน้าราม แล้วนักร้องอยู่ไหนรู้ไหมครับ เออ ผมยังไม่ได้เอ่ยถึงนักร้องเลย นักร้องเป็นเพื่อนเก่าผม ตั้งกะเรียนมัธยม เคยเล่นกัน แต่ตอนนี้เขาไปตั้งรกรากอยู่ไกลมาก ไปเป็นดีเจ ที่เธคแห่งหนึ่ง ที่ว่าไกล ที่ไหนอ่ะ...............สุไหงโกลกครับ อยู่ไกลมาก ติดต่อกันลำบาก กว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็หมดไปหลาย เพราะช่วงนั้นไม่มีมือถือ จะโทรไปคุยก็ต้องโทรไปตอนเธคก่อนเปิด คุยกันไม่ค่อยได้ใจความครับ ต้องเขียนจดหมาย ส่งเทปไปให้เขา แกะร้อง เขาก็ทำงานไปเลิกงานก็มาแกะร้อง ก็ให้กำลังใจกันไปเรื่อยๆแล้วค่อยนัดมาเจอกัน
เอาล่ะครับถึงตอนนี้กำลังได้ที่ ตอนต่อไปจะต้องนัดมาเจอกับนักร้องแล้ว สนุกครับ แต่ผมต้องขอตัวไปทอดกล้วยแขก ขายก่อนครับ
6 เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า
ไปไหนเหรอครับ ก็ไปตามหานักร้องไง ที่สุไหงโกลก หลังจากได้เฉลี่ยเรี่ยไรเงินกันแล้ว ผมก็อาสาไปตามนักร้องที่ โกลก
ต้องขอยอมรับอย่างหนึ่งว่า โกลก นี่ไกลมากเลย ผมเดินทางโดยรถไฟ ออกจากสถานีบางกอกน้อยเวลา 11.00 ไปถึงที่นั่น 13.00 น การเดินทางที่แสนทรหดเพื่อไปหา กบ นี่หล่ะครับนักร้อง ที่ผมต้องกระเสือกกระสนดั้นด้นไปหาเพื่อโครงการอันนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ ต้องกบเท่านั้น เพราะว่าไรเหรอครับ
1 กบเป็นผู้ชายที่หล่อเอาการเลยครับ ผู้หญิงเห็นแล้วจะต้องกลืนน้ำลาย ตาถลนออกมานอกเบ้า แข้งขาสั่นกันระงม
2 กบร้องเพลง Child in time ของดีพได้ ซึ่งเมื่อก่อน เป็นจุดขายของเสียงร้องเลย เพราะเพลงนี้ท่อนก่อนโซโล่จะเอื้อนเสียงสูงมากครับ เพลงนี้เป็นเพลงหนึ่งที่จะเป็น เทอร์โมมิเตอร์วัดความสูงได้
3 กบเป็นเพื่อนกับผม และเคยเล่นดนตรีด้วยกันเมื่อวัยดอกกุหลาบเริ่มแย้มบาน การพูดจากันหรือทำไรกันก็คงต้องมีความเป็นเพื่อนบ้าง
สามอย่างนี้หล่ะครับที่เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งซึ่งผมต้องนำมาบรรจุลงในภาชนะชิ้นนี้ที่ผมกำลังหลอมมันอยู่ เมื่อไปถึงสนามบินโกลก (ผมเรียกไปงั้นเองแหล่ะ จะได้เหมือนวงฝรั่งเค้า จริงๆคือสถานีรถไฟ) กบก็มารอรับและไปที่พักกัน ระหว่างนั้นเราก็คุยเรื่องเพลง ก็ไม่มีปัญหาไร เขาแกะได้หลายเพลง เออลืมบอกไปอย่างครับ ที่กบเขาฉมังเรื่องเพลงนี้คือเมื่อก่อนเขาเคยเป็นนักร้องวงดังในอดีตวงหนึ่งคนรุ่นนั้นอาจรู้จัก วง Convention วงนี้เล่นรายการพี่ วิฑูรย์ วทัญญู แต่สมัยกบร้อง พี่ทุย หรือ เอดเวิร์ด แวนโซ ได้ลาออกไปแล้ว จึงมั่นใจได้ว่า การที่ผมไป ออดิชั่น ที่ Rock pub ต้องน่าจะได้
ตกกลางคืนเขาก็พาไปสถานที่ๆเขาทำงาน ก็ดีครับ เมือง สุไหงโกลก ตอนนั้นบ้านเมืองสงบ สะอาดดี ฝนตกพรำๆตลอดเย็นสบายดี ตอนนี้น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ เหตุการณ์ก็ดำเนินไปตามเรื่องของมันจนมาถึงวันที่ผมต้องกลับกรุงเทพแล้ว กบก็มาส่งที่สถานีรถไฟ ก็สั่งเสียกันอย่างดี พอผมย้อนถามกลับไปว่า แล้วเมื่อไหร่จะมาซ้อมร้องล่ะ สีหน้าเขาก็ดูเปลี่ยนๆ เหมือนว่าถ้าเข้ามากรุงเทพแล้วจะอยู่ได้ยังไงล่ะ ค่าใช้จ่ายก็มาก ถ้ามาเล่นที่ Rock pub อย่างเดียวแล้วจะพอเหรอ แต่กบก็รับปากว่าจะมาเร็วๆนี้หล่ะ แต่ต้องเตรียมหางานที่ กรุงเทพให้ได้สักที่ก่อน แล้วจะลงมาร้อง ผมก็พอจะวางใจ กลับไปอย่างตุ๊มๆต่อมๆอยู่ดี แต่ก็คิดว่ามันคงคิดกะเราเป็นเพื่อนมันต้องมาดิ เราจะทำให้มันดัง
เอาล่ะครับคอยอ่านตอนต่อไปครับ เดี๋ยวไปเก็บมะพร้าวก่อน
7 Audition Rock Pub อีกครั้ง
หลังจากกลับมาสักพัก กบก็ส่งข่าวมาว่าจะมากรุงเทพ ผมดี่ใจมาก วันนั้นมาถึงแล้ว เราก็นัดเจอกันที่ห้องซ้อม แมค ได้ลงมือซ้อมกันสักพักเพราะที่ผ่านมาเราซ้อมกันโดยไม่มีนักร้อง เมื่อพอจะเข้าขากันแล้ว ผมก็มั่นใจเลยว่าพี่ตุ่มเขาต้องเอาวงเราแน่เพราะแนวเพลงก็ไม่เหมือนใคร เคยไปฟังที่ร้านตอนนั้น คาไล กับ สติ๊ก ของเรา มี สไตเปอร์ พ้อยท์ซั่น ไวท็สเน็ก ยุโรป มอทเล่ครู ไม่ซ้ำแนวกับวงที่ร้านแน่นอนเขาควรจะต้องเอาวงเราเข้าประจำในร้าน เพื่อให้คนฟังได้ฟังเพลงหลายแนวขึ้น ดังนั้นจึงนัดวันที่จะไปแสดงความอหังการ์ ให้ชาวร๊อกได้รู้รสชาติเสียบ้าง พี่เขานัดเราไปออที่ร้าน Bank music ซึ่งเป็นร้านขายเครื่อง ข้างบนเป็นห้องซ้อม ดีเลยผมคิดในใจมือเบสที่วงไม่มีเบสเป็นของตัวเอง ได้เอาของในห้องซ้อมมาเล่นกันเลย แต่ก่อนหน้านั้นพี่เค้าก็ถามว่าไม่ได้เอาเบสมาเหรอ ผมก็บอกว่าเขายังไม่ได้ซื้อเลย ต้องรองาน เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ้าผมได้มาเล่นร้านพี่ก็จะซื้อที่นี่และเอาไปเล่นแบบซิงๆเลยแต่ก็ต้องผ่อนก่อนนะครับ
แววตาพี่เขาดูชอบกลๆยังไม่ได้เล่นเลย คิดจะมาผ่อนของ ส่วนตัวผมก็คิดไปอีกอย่างว่าถ้าไม่เอาวงผมก็บ้าแล้ว "เพชรอยู่ในมือนะพี่ตุ่ม" เราก็ออดิชั่นไปชั้นสองของร้าน ส่วนแกก็อยู่ข้างล่างนั่งคิดบัญชีไปพลางต้อนรับลูกค้าไปพลาง เวลาเล่นๆไปผมก็คุยกับเพื่อนว่าทำไมเขาไม่ขึ้นมาฟังนะแล้วอย่างงี้จะเอาวงเราเหรอ หรืออีกอย่างแกอาจแอบฟังอยู่เพื่อไม่ให้พวกเราตื่นเต้นมาก ช่างเหอะอย่าไปสนใจเลย เล่นๆไปให้จบๆหิวแล้ว เมื่อเสร็จแล้วก็ลงมาถามแกว่าเป็นไง คำตอบของแกก็บอกว่าโอเค ให้เล่น ศุกร์ เสาร์ ผมก็บอกแกไปว่าเล่นสองวันไม่ได้หรอกครับนักร้องผมมาจากโกลก ออกจากงานมาเพื่อจะมาเล่นที่นี่อ่ะ ถ้าพวกผมได้เล่นที่นี่ จะต้องมีลูกค้าเพิ่มเพราะเพลงแนวที่ผมเล่นไม่มีใครเล่นนะครับพี่ พี่ตุ่มก็ครุ่นคิดสักพัก แกหาทางออกว่า เอางี้ งั้นมาเล่นก่อนร้านเปิดแล้วกัน สักทุ่มกว่าๆแล้วอีกรอบ ก่อนคาไลโดเล่น คือก่อนเที่ยงคืน เพราะวงคาไลโดเป็นวงไฮไลท์ของร้าน คือวงเปิดอ่ะพูดง่ายๆ เหมือนสมัยตอนเด็กที่ไปเล่นรายการ Long live Rock n Roll ของพี่วิฑูรย์ วทัญญู ตอนหกโมงเช้าที่โรงหนังเอเธนอ่ะครับ ผมเปิดวงให้ Convention ของ พี่ทุย เอ็ดเวิร์ด แวนโซ อ่ะ วกไปนาน มาที่พี่ตุ่มต่อ แต่ปัญหามันมีอ่ะครับพี่ คือวงผมไม่มีชื่อวงเคยตั้งมาแล้วแต่ไม่ชอบพี่ตั้งให้หน่อย แกไปคิดอีท่าไหนไม่รู้ แกพูดโพล่งๆออกมาว่า hi rock ผมฟังครั้งแรกชอบมากเลยครับ เลยถามว่าพี่เอามาได้ไง แกก็ตอบว่า แนวเพลงที่พวกเอ็งเล่นมันเพลงค่อนข้างชั้นสูงเลยเอาชื่อ ไฮ ร๊อก เลยก็แล้วกัน ดีมากพี่เอาก็เอา ต่อไปร้านพี่จะต้องมีวงที่ได้ออกเทปเป็นหน้าเป็นตากับวงพี่แน่ๆ ว่าแล้วก็เจรจาเรื่องขอพี่แกเขาผ่อนเบสให้มือเบสหน่อยแล้วกัน ซึ่งก่อนหน้าที่จะไปเล่นที่นี่ผมได้ผ่อนกีต้าร์ เฟนเดอร์ กับแกก่อนมาออดิชั่นแล้ว
เหตุการณ์จะดำเนินอย่างไรต่อไป ผมคงต้องไปปลอกมะพร้าวก่อนเพราะเมื่อวานปีนเก็บมายังกองอยู่หน้าบ้านเลย
8 ห้าทหารเสือได้ลงสนาม Rock Pub เพื่อทำการรบพุ่งแล้วครับ
หลังจากได้เจรจาเรื่องเวลากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราลงประจำที่สนามร๊อกแล้วประกอบด้วย
1.ตุ้ย พรานนก
2.แมค หัวจะเข้
3.กบ โกลก
4.หนุ่ย หน้าราม
5.นึก บางแค
ได้เล่นที่ร้านสองรอบๆแรกคือทุ่มกว่าๆ และห้าทุ่ม สามทุ่มวง stick ที่มีพี่บอย ร้องนำ ตอนนี้แกเป็นนักร้องของพี่โอ้อยู่ครับ
กบก็ได้งาน พิเศษ คือหลังจากวงผมเล่นรอบแรกแล้ว เขาก็ไปร้องที่ น่าซ่า กับวงป็อป ชื่อวงพลาสติก รู้สึกว่าวงนี้เคยออกเทปด้วย ตอนช่วงผมลงรอบแรก และจะกลับมาอีกทีตอนห้าทุ่ม เล่นก่อน คาไลโด เป็นอย่างนี้อยู่ประจำ เหตุการณ์ดำเนินมาอย่างดี พี่ตุ่มเจ้า ของร้านพอใจมากเพราะคนดูเริ่มเพิ่มปริมาณขึ้นเพราะเปิดเร็วและมีวงมาเพิ่ม พี่ตุ่มเห็นความเป็นไปได้ในหลายๆแง่ แกเลยออกความคิดว่า อยากจะลงทุนทำเทปให้ เพราะแกพอมีขุมกำลังพอ ทั้งร้านเล่น ร้านเครื่องดนตรี และคนในวงการเพลง แกก็กว้างขวาง อีกอย่าง แกเคยมีค่ายของตัวเองชื่อ ยูโทเปีย พี่ตุ่มก็ขยันมาที่ร้านบ่อยขึ้น มาชื่นชมกับบรรยากาศที่มากไปด้วยผู้คน ความฝันที่แกจะเป็นเศรษฐีในทันที ผมก็ฝันอยากออกเทป จะค่ายไหนก็ช่างเหอะ เพราะตอนนั้นระบบค่ายเทปยังไม่แข็งแรงเท่าตอนนี้ และเพลงแนวที่พวกเรากำลังปฏิบัติอยู่นี่ ก็ไม่น่าที่ทำยอดได้มากเท่าไหร่ ยุคนั้นดนตรีสามช่าเยอะมาก ที่ฮิตๆก็ สามโทน พวกเราก็ดำเนินตามแผนของผู้ใหญ่ที่เขาวางไว้ คือเล่นให้ทีมเวิร์ค แน่นๆ เล่นไปสักพักค่อยออกเทป แต่มันก็เป็นไปตามนั้น ถ้ากบไม่เอาจิงจังมากไปหน่อย กบก็เริ่มจับผิดเพื่อนๆที่เล่นด้วย ยกเว้นผมเพราะผมเป็นเพื่อนกับเขามาตั้งกะเด็ก ลุยกันมาหลายอย่างและเป็นคนนำเขามากรุงเทพเพื่อความดัง กบเริ่มเห็นจุดอ่อน และพยายามสื่อสารแต่การสื่อสารของเขาเหมือนนักดนตรีรุ่นเก่า คือ เด็กๆผมมักจะได้ยินว่า วงนี้ต่อยกัน จนรักกันและเล่นกันแน่น ยิ่งทะเลาะ ยิ่งด่ากันมากๆยิ่งดี เพราะเขาก็เคยอยู่วงอาชีพมา ดังที่ได้กล่าวมาว่าวงไรนะครับ วงนี้พี่ตุ้ม คู่หู พี่โป่ง ก็เคยเล่น ใครมีโอกาสเจอพี่ตุ้ม ก็ไปถามกันเอาเองครับ มือกลองคือคนที่กบจะกำหลาบ แต่วิธีที่กบทำมันไม่ถูก ว่าง่ายๆก็คือหาเรื่องชกกะเขาอ่ะครับ เห็นไปท้าต่อยกันทุกวันที่ลานจอดรถ บางวันก็หันมาเล่นงานแมค ผมต้องคอยปลอบประโลมให้ปรองดองกันทุกวัน จนวันแล้ววันเล่า มือกลองโดนเล่นงานหนัก เขาจึงขอลาออก ขนาดเขาจะลาออก เจ้ากบยังไปขู่ว่า ออกตอนนี้ไม่ได้ ต้อง เดือนนึง ให้หาคนมาเล่นแทนก่อนแล้วค่อยไป เมื่อเจรจากันรู้เรื่อง กบก็เลิกเกเรกับทุกคน มาตามเวลาที่ทำงาน ระหว่างนั้น ก็หามือกลองไปเรื่อยๆ หลายคนที่มองๆไว้ ใครๆก็อยากเล่นที่วงผม เพราะท่าทางจะไปได้ดีแน่ๆ อยู่มาวันหนึ่ง มีผู้ชายผมสวยคนหนึ่ง เข้ามาคุยกับผมที่หน้าร้านในตอนผมพัก ได้ชวนคุยกัน และผมสังเกตว่าเคยเห็นวงเขาเล่นที่นี่หล่ะครับ เล่นอิงเว่ มือกีต้าร์แจ๋วเลยมือกลองก็ตีดุดันมาก แต่วงนี้เล่นเสียงดังมาก เขาแนะนำตัวเองว่า ชื่อเต้ย เมื่อก่อนเล่นที่นี่หล่ะ แต่ตอนนี้ออกแล้ว เพราะพี่ตุ่มเขาจะเอาวงนาย hi rock อ่ะครับ เรามาดูวงนายบ่อย เล่นแนวเดียวกับเราคือ Loundness, Motleyclue นายต้องได้มือ กลองอย่างเรา โห ดีมากเลย ผมเลยหยิบเทปเพลงที่เล่นออกจากกระเป๋า หลุยวีเตง ผมจะเตรียมเทปมาวันละสองถึงสามม้วน เผื่อเจอใครสนใจจะเล่นก็ให้เขาไปแกะมา เลยยื่นเทปให้เต้ยไปแกะมา เขาบอกเขาเล่นได้อยู่ไม่ต้องห่วง แต่คราวนี้มันไม่แค่นั้นสิครับ มือเบสคือ หนุ่ย เขาซี้กับนึกมาด้วยกันก็เลยจะออกบ้าง เขาก็เสียดายอยากจะอยู่ เพราะเราร่วมซ้อมมาด้วยกันสามเดือนโดยไม่มีนักร้องที่ห้องแมค ก็เลยคราวนี้ต้องหามือเบสอีก กบก็อาสาหาให้ โดยบอกไปตามเพื่อนนักดนตรีของเขา วันหนึ่ง มีหนุ่ม คมเข้ม ผมยาวกันจอน ตามลักษณะ นักดนตรีpop เข้ามาที่ร้านและแนะนำตัวเองว่า ชื่อเป้ มีเพื่อนที่เป็นอิสลาม เคยเล่นวงเดียวกับกบ แนะนำมา อยากเล่นดนตรีแนวนี้ ฟังดูมันดี ผมดูๆแล้วเจ้านี่ pop นี่หว่า จะเล่นได้เหรอ ตอนนั้นเป้เล่นโฟล์ค ที่มาบุญครอง และรอบดึกเล่นกับพี่ชายเขาที่ซอยเสนา การเงินเขาคงสะพัด จะมาเล่นร้านร๊อกเหรอ ดูสำอาง ใส่กางเกงลินนินสีขาว เสื้อลินนินสีชมพู ดูดมาร์โบโร่ แต่ก็ยื่นเทปไปให้เขาแกะและเขาก็บอกว่า เพลงพวกนี้ไม่เคยแกะเลยไม่รู้จะเล่นได้หรือเปล่า ผิดกับเต้ยที่บอกว่าเล่นได้ทุกเพลง เอาล่ะมานัดซ้อมกันดีกว่า มาเจอกันที่นี่ อีกหนึ่งอาทิตย์ ตอนบ่ายสาม
เอาล่ะครับกว่าจะถึงตอนต่อไป ต้องไปดำน้ำหาปลา และเหรียญกระสาปเก่าๆเอาเงินมายาใส้ก่อนครับ
9 จับสองพยัคฆ์ลำพองเข้าฐานทัพ "ด่วน"
ถึงเวลาบ่ายสามโมงกว่าๆ ได้เวลานัดหมายที่จะต้องมาพิสูจน์กันแล้วว่า ใครจะได้ประดับยศ หมู่หรือจ่า เอาล่ะอย่าช้าอยู่เลยเดี๋ยวจะเย็น รีบๆกันหน่อย ปัญหามีอีกครับ เป้ไม่มีเบสเป็นของตนเอง ก็วุ่นๆกันอยู่พักก็เลยไปได้เบสของ วง Stick พี่นูน คนๆนี้มีคุโรประการกับวงเรามากถ้าไม่ได้แกคงต้องเอากีต้าร์มาเล่นเป็นเสียงเบส หรือไม่ก็พึมพำแบบอคาเปล่าเซเว่น ก็เลยถือวิสาสะไปถอดออกมาจากถุง เริ่มบรรเลงกันเลยไม่ต้องเกรงใจ เพลงแรกเปิดวงเลย The Lonner Gary moore เต้ยนับไม้กลองเตรียมจะตี แต่เป้รีบบอกว่าเดี๋ยวๆๆ เพลงนี้ขึ้นยังไง ที่เป็นแบบนี้เพราะเป้ไม่ค่อยได้ฟังเพลงแนวนี้เท่าไหร่ ผมก็บอกไปว่าขึ้นกีต้าร์ช้าๆ ตอนขึ้นก็โหยหวนหน่อย เป้ อ๋อทันที แหมน่าดีดหู ผมนึกในใจ อ่ะเร็ว ขึ้นกลองได้แล้ว การเล่นของ สองคนเล่นได้ไม่ได้เข้าขากันเลยครับ เต้ยก็ตีกลองแรงเสียงดังเหมือนวงเก่าเขา วง Action นั่นเอง ส่วนเป้ก็เล่นเบสหวานจ๋อย แบบป๊อปจ๋าเลย แต่ก็ดำเนินไปด้วยกันได้จนจบเพลง ต่อมาก็ของ แกรี่ มัวร์ อีก ชื่อเพลงไรจำไม่ได้แต่อยู่ในชุดนั้น ที่ขึ้นด้วยปี่สก๊อต ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับ เอาอีกแล้ว เป้ถามอีก ขึ้นยังไง
อ่ะบอกๆกันไป แต่ส่วนเต้ยดิครับ ตีไม่ค่อยได้หลุดๆลืมๆเพลงนี้ ส่วนเอาการ แต่เป้ได้เล่นเบสอย่างลื่นใหลอย่างง่ายดายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก แต่ทั้งสองเสือก็พยายามเกื้อหนุนกันจนจบ เพลงต่อไป Home sweet home โอ้โหพระเจ้า ผมอุทานออกมาดังลั่นกลบเสียงเด็กในร้านที่กำลังบรรจงจัดโต๊ะในร้าน เป้ไหลเบสอีกแล้ว คราวนี้ไหลได้น่าประทับใจมากสุดคอเบสจนแทบจะมาถึงปิ๊คอัพ ช่างสดใสจริงๆพ่อมือเบส "กันจอน" ของเรา ส่วนเต้ยก็โฉ่งฉ่างตามสไตล์หนุ่มติสส์ แต่ก็พอไหวเขย่าขวดสักหน่อย คงกลมกลืนกันและรสชาติคงเยี่ยม ดังนั้นเราก็ซ้อมเพลงอื่นๆต่อไปจนจบและ เป้ก็ถามว่าอินโทรขึ้นอย่างไรทุกเพลง จนบางครั้งเด็กเสริฟก็ต้องมาเสนอหน้าว่า พี่ๆเพลงนี้ขึ้นกลองก่อนแล้วเบสค่อยเข้ามาทีหลัง เป้ก็ปฎิบัติตัวตามเด็กเสริฟทุกประการจนจบ เจ้าต๋อย นั่นเองเด็กคนนั้น กวาดร้านจนเป็นผู้จัดการเลย เพราะความเป็นผู้ช่างสังเกต จบการซ้อมแล้วผมก็มาคิดๆว่าคนอื่นๆที่สมัครมาจะมาเล่นไม่เอาดีกว่าเอาสองคนนี่ดีกว่า น่าจะอยู่ร่วมกันได้ดีทั้งฝีมือและหน้าตาก็ไล่เลี่ยกับผมได้ ถ้าเราได้ผูกสัมพันธ์กันจะต้องไปได้ดีแน่
ก่อนจะถึงตอนต่อไปต้องขอตัวตามระเบียบก่อนครับวันนี้ ไม่รู้จะไปเก็บอะไรเดี๋ยวเดินหาๆเอาเห็นไรน่าเก็บค่อยเก็บ
10 ถึงเวลาแล้ว เป้ เต้ย มาเลย (^8^) มาเล่นกันเลยเพื่อน
เมื่อเวลาที่หนุ่ยกับนึกลั่นวาจาไว้ว่าจะต้องไป แล้วเขาสองคนก็เดินจากไปและไม่ได้เจอเขาอีกเลย แต่จนกระทั่งตอนหลังมาเจอหนุ่ยเล่นแบ็คอัพให้ เจี๊ยบ ชุดที่1 แต่นึกคงกลับไปทำโรงงานเหล็กที่บ้านเขา นึกบางแค พวกเราห้าคน hi rock ตุ้ย แมค กบ เป้ เต้ย ได้ลงเล่นที่ Rock pub คืนละ 2 รอบ รอบแรกหัวค่ำ แต่รอบหลังเปลื่ยนมาเล่นหลัง คาไลโดสโคบ คือเล่นปิดผับว่ากันง่ายๆอ่ะครับ ช่วงหัวค่ำเล่นเสร็จ ก็ต้องรอวง สติ๊ก และ คาไล ก็นานมากเหมือนกัน ผมจากคนไม่ค่อยดื่ม เวลามันเหลือเยอะตอนกลางก็จิบเบียร์ไปดูวงอื่นเขาเล่นไปทำกันเป็นกิจวัตรเลย นี่แหล่ะครับการเป็นคนกลางคืน มักจะได้อะไรมาใหม่ๆเสมอแล้วแต่ใครจะรับอะไรส่วนผมรับเบียร์ ส่วนกบก็ได้เวลามากขึ้นในการทำงานที่นาซ่าของเขา ช่วงดึกๆคนมักจะเข้ามาเยอะพวกเราทั้งห้าคนเล่นแบบถวายชีวิตมีคนมากหน้าหลายตา ดาราบ้าง ไม่ดาราบ้าง แต่เท่าผมสังเกตคนหลั่งไหลมาเที่ยวกันหัวกระไดมันเลื่อมเลย อีกอย่างพวกผมก็เล่นเข้าขากันเป็นอย่างดี เป้กับเต้ยเข้าขากันมาก เต้ยพยายามเล่นซาวด์ขึ้น ถ้ามันเป็นอย่างนั้นต่อไปก็ดีสิครับ นักดนตรีไม่มีปัญหาอะไร แต่ๆๆๆๆ เอาอีกแล้วครับ กบเริ่มจะไม่ค่อยพอใจการตีกลองของเต้ยขึ้นมาอีก พยายามหาข้อผิดพลาดของเต้ย บางครั้งแทบจะวางมวยกันกลางเวทีเลย ผมล่ะเซ็ง มีครั้งนึงจำได้ เพลง Wonderful ของ แคล็ปตัน เต้ยก็ตีแบบเอาซาวด์ กบหันไปบอกเต้ยว่า เฮ้ยไม่มีแรงตีเหรอวะ เต้ยก็ตกกะใจตีซะดัง ส่วนกบคิดว่าเต้ยท้าทายความเป็นนักเลงใหญ่ ก็คว้าขาไมค์หวังว่าจะซัดลงหัวแทนฉาบ ผมหันไปทันคว้ามือไว้ ส่วนคนดูเหรอครับ ตรึม แต่มันยังหัวค่ำอยู่เลยครับ อีกอย่างเป็นเพลงช้า คงไม่ต้องใช้ขาไมค์ฟาดฉาบก็ได้ ก็ไม่เป็นไรครับสปิริตนักดนตรีจะเกิดอะไรขึ้นต้องเล่นให้จบไปก่อน ก็เลยฝากคำท้าทายว่าเดี๋ยวเลิกเล่นเจอกันไอ้เต้ย
แหมวันนี้ผมก็นึกว่า แมค รอดตัว มันไม่ใช่ดิครับ สักสองเพลงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแมค หรือว่าลนไปหน่อยกดคีย์บอร์ดผิดคีย์เอาแล้วผมคิด...กบหันขวับไปด่าแมค บอกว่าพรุ่งนี้มึงอย่ามาเล่นนะเล่นผิดแบบนี้ แมคหน้าจืดไปเลย ผมกับเป้ลอยลำครับ ส่วนเป้นั้นกบเขาจะรักเป็นพิเศษเหมือนน้องชายเอ็นดูมาก ที่เป็นอย่างนั้นเพราะเป้อาจจะอายุน้อยที่สุดในวง และดูใสๆเหมือนเด็กป๊อป ตอนนั้นเป้เริ่มสลัดกางเกงลินนินมาใส่ ยีนส์แล้วครับ ก็ดูดีขึ้นไปอีกแบบ ติดอย่างเดียวตรงจอนนี่หล่ะครับ เอาไว้วันไหนว่างๆจะหารูปเก่าๆมาให้ดูครับ กลับมาต่อกันอีกหน่อย เดี๋ยวจะไปเล่นทอยเส้นกับเด็กแถวนี้ ตอนลงมาพักช่วงกลางที่หน้าร้าน กบก็เรียกเต้ย มาเคลียให้มันเรียบร้อยซะพร้อมกับแมคด้วย ก็ท้าให้สองคนเข้ามาเลย ผมก็จะมัวนั่งหัวโด่ได้อย่างไรเลยห้ามปรามตามเหตุอันควร พอจะดับไฟแค้นของกบลงได้ อีกอย่างกบก็ต้องรีบไปที่นาซ่า ถ้าอีกห้านาทีไม่ได้ต่อยคงจะไปสายแน่นอน กบก็รีบโหนรถเมล์สาย 60 ไปโดยด่วน คราวนี้หล่ะครับพวกเรา 4 คนก็นั่งคุยกันคิดกันว่า คืนนี้กบจะมาร้องรอบดึกหรือป่าว เพราะเมื่อกี้ก็แรงเหมือนกันและเขาคิดว่าผมเข้าข้างเพื่อนใหม่ (เต้ย)
คุณคิดว่ากบ มาหรือเปล่าครับ ส่วนผมต้องไปเล่นล้อต๊อกก่อนครับ
11 วันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ชาว คณะ ไฮร๊อก จะต้องจดจำและประทับใจ
หลังจากหัวค่ำกบได้พยายามทำตัวเป็นตัวแทนประเทศไทยไปเป็นจ้าว ซีเกมส์ ในการชกชิงเหรียญทอง แต่ด้วยหน้าที่ๆต้องไปร้องที่ นาซ่า เลยขอสละแชมป์ชั่วคราว ในระหว่างช่วงที่วงที่ร้านเล่นพวกเราก็นั่งคุยกันว่าชักจะมีกลิ่นๆแล้วว่ะ จะทำอย่างไรกันดี แล้วไม่รู้ว่าคืนนี้จะมาหรือป่าวด้วย ผมก็คิดขึ้นมาว่า เราควรจะหานักร้องมาสำรองก่อนดีกว่าไม๊หรือว่าเราหา มือกลองกับมือคีย์บอร์ดใหม่ดีแต่อย่างหลังคงยากเพราะผมกับ แมค แน่นแคว้นกันและต่อสู้สร้างวงมาด้วยกัน ประการแรกดีสุดเพราะระหว่างที่กบไปร้อง แล้วตรงช่วงกลางที่เราต้องอยู่เฝ้าหน้าร้าน (รินโซดาด้วย) เรา 4 คนก็สมัครสมานใจกันดีอยากทำในสิ่งที่พวกเรากำลังค้นหาอยู่นั่นก็คือการออกเทปนั่นเอง เราคุยกันอย่างสนุกสนานว่าจะต้องทำตัวอย่างไรกันดีเมื่อออกเทป คิดพลางไป ยิ้มไป และก็ทุกข์ไป เมื่อนึกถึงนักร้องคุณภาพอย่างกบเขาจะเลือกอยู่กับพวกเราเหรอ พวกเราเล่นที่ RockPub เป็นผับขนาดไม่ใหญ่ไม่หรูหราอย่างแถวนาซ่าที่เขาเล่น สังคมก็ต่างกัน สาวๆก็น้อยมาก Rock pub มีแต่นักดนตรี ต่างก็ทรงคุณวุฒิกันทั้งนั้น ก็ค่อยๆคิดกันไปดีกว่า ว่าแต่ว่าคืนนี้กบจะมาหรือป่าว รอ รอๆๆๆไป
ได้เวลาจะขึ้นแล้ว...กบยังไม่มาครับ พวกผมก็ทำทีเป็นขึ้นไปตั้งเครื่อง แต่จริงๆแล้วไม่ต้องตั้งหรอกครับเพราะเมื่อหัวค่ำยังเล่นอยู่เลยและอีกอย่างเล่นต่อวง คาไล ดีเลยพวกพี่ๆเขาตั้งเซตเครื่องเป็นอย่างดี เพราะ พี่ทุย แกเป็นซาวเอ็นจิเนียที่หูทองคนหนึ่งเหมือนกัน พวกผมก็ตั้งไป คนดูก็จิบเหล้ากันไป ในผับก็เปิดมิวสิควีดิโอวงร็อก แหม เราก็อยากจะรีบให้ความบันเทิงกับผู้มีพระคุณที่ต้องอยู่จนดึกดื่น แต่กบยังไม่มา เอา..ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยว่ากันขึ้นเพลงแรกก่อนแล้วกัน The loner เป็นเพลงบรรเลงในระหว่างกลางๆเพลง มีบุรุษร่างสูงเพรียวผมยาวเข้ามาในร้าน เราทั้ง 4 คนได้หันไปมองพร้อมกัน ไชโย...กบนั่นเองมาแล้ว โอ้ยพระเจ้าวันนี้รอดแล้วและดนตรีก็ดำเนินไปอย่างดีจนปิดร้าน หลังจากงานเลิกพวกเรา 4 คนเหมือนเดิม สุมหัวกันต่อจะทำไงดี เป้ก็ออกความคิดว่าไปนั่งกินเบียร์ที่ร้านที่เป้เคยเล่นกันดีกว่า ตอนนี้พี่ชายเขาเล่นอยู่ และอีกอย่างอยู่หน้าปากซอยบ้านผม พวกเราเลยพร้อมใจกันไปถล่มเบียร์ให้ราบคาบไปเลยดีกว่า เมื่อไปถึงร้าน ผมก็นึกถึงอดีตที่เคยเล่นวงโฟล์ค ฟังเพลงกันเพลินๆหา วิธีสู้ต่อไปในวันพรุ่งนี้ ถึงจังหวะที่พี่ชายเป้อยากจะลงมาพักบ้าง พูดง่ายๆว่าอู้อ่ะครับ ก็เลยให้เป้ขึ้นไปร้องเพลงแทน เพลงที่เป้ร้องวันนั้น ผมยังจำได้ถึงวันนี้เลยว่า เพลงของพี่อิทธิ เพลงยังจำไว้ ผมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าคนที่อยู่ใกล้ๆตัวเรานี่มีสุ้มเสียงได้ขนาดนี้เลยเหรอ แต่ก็ยังไม่จบแค่นี้ดิครับ เพลงต่อไปของพี่หรั่ง เพลง คิดถึง โอ้โห ไม่มีหลบเสียงเลยสูงได้ทัดเทียมกับของจริงมาก ประทับใจมากเลยครับ เมื่อหมดหน้าที่ของเป้แล้วเป้ก็ลงมานั่งคุยต่อกับพวกเรา ผมก็บอกเป้ไปว่าเสียงแบบนี้ต้องดังแน่ เป้เขาก็ไม่ค่อยเชื่อในคำพูดผมนึกว่าพูดเล่น ผมก็บอกไปว่าเฮ้ย จริงดิ ร้องแบบนี้ต่อไปต้องดัง แล้วก็จะหาคนมาร้องแบบนี้ก็หายาก เอาน่าเชื่อเหอะพรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่วันนี้ร้านปิดแล้วพวกเราก็ผลาญเบียร์เขาไปเยอะแล้ว แยกย้ายกลับบ้านก่อนแล้วกัน
เอาล่ะครับกำลังสนุกเกิดเมื่อยนิ้วขึ้นมา เพราะเมื่อวานไปเขย่าไฮโลมา เอ๊ยไม่ใช่ ไล่สเกลต่างหาก ค่อยมาเล่าต่อว่าวันปีใหม่มีความหมายยังไงกับพวกเราครับ
ปีใหม่นี้ขอให้พวกเราเที่ยวกันอย่างระมัดระวังตัวหน่อยนะครับเมาอย่าขับ ให้ไปหลับบ้านหญิง
อิ อิ ตอนที่ 11 นี่พี่ตุ้ยแกเล่าช่วงปีใหม่น่ะครับ