สมัยนุ่งกุงเกงขาสั้นสีดำ เรียนที่อำนวยศิลป์พญาไท สมัยโน้นยังมีคลองน้ำคร่ำเป็นขี้โคลนดำปี๋อยู่ริมถนนฝั่งโรงพยาบาลสงฆ์
ครูวาดเขียนท่านหนึ่งเก่งเรื่องภาพวาดแรเงา ช๊อคสีขาววาดบนกระดานดำ ทำให้ดูเป้นภาพ 3 มิติ ภาพคนมีชีวิต มีวิญญาณ
คุณครูย้ำว่า สายตาคนเราเมื่อมองไปที่สิ่งใด เช่นกองขยะใบไม้แห้ง เราจะเห็นใบหนึ่งหรือสองใบที่ใกล้กันชัดที่สุด
นอกนั้นไม่ค่อยชัด จะรู้ได้ก็คือเอากล้องถ่ายมาดู(สมัยโน้นมีแต่ฟิลม์ขาวดำ)
ถ่ายดูเสร็จก็หัดแรเงาตาม เพราะแต่ละใบจะต้องแรเงา เข้ม จางต่างกัน
ถึงวันที่ผมมีกล้องดิจิตอลเล่นแทนกล้องฟิลม์ที่ขายกินหมดแล้ว
เลยลองถ่ายภาพที่ ตัวแบบหรือวัตถุอยู่นิ่งๆ (ผมไม่ค่อยชอบถ่ายเท่าไร ชอบตามถ่ายภาพเคลื่อนไหวมากกว่า)
ถ่ายแล้วมานั่งดู ความชัดเจนที่สุดอยู่ตรงจุดไหน ดูไปมารู้สึกถึงภาพมันเหมือนมีวิญญาณ มีชีวิตชีวา
เปรียบเหมือนกับการฟังเพลง ฟังแล้วเพลงมันเพราะแฮะ
แต่สักพักฟังแล้วรู้สึกเหมือนหุ่นยนต์ร้องให้ฟัง ขาดจิตวิญญาณ
ฟังแล้วไม่มีอารมณ์ ฟังแล้วนึกหรือมองไม่เห็นลีลาจังหวะที่ทำให้เราเกิดมโนภาพ
