Harmonic จะนับจาก Fundamental เป็น 1st Harmonic ครับ
ถ้าเป็น Even Harmonic ก็จะเป็น 2,4,6,8,... เท่าของความถี่ Fundamental
เช่น Fundamental = 440Hz 2nd Har ก็จะเท่ากับ 880, 3rd Har = 1320, 4th Har = 1760 ครับ
ส่วน Octave เป็นอีก Scale หนึ่ง กำหนดให้ Octave ถัดไปเท่ากับความถี่ 2 เท่าของ Octave ก่อนหน้า
เช่น โน๊ต A Middle มีความถี่ 440Hz A Octave ถัดไปก็จะเป็น 880 และ Octave ถัดไปเป็น 1760 ไปเลย ซึ่งเท่ากับ 4th Har ครับ
ส่วนเรื่อง Harmonic Distortion นั้น เบื้องต้นจะต้องเข้าใจเรื่องเสียงเครื่องดนตรีก่อนครับ
ทราบไหมครับว่า กีต้าร์ที่เล่นโน็ต A (440) กับ เปียโนที่เล่นโน็ต A เหมือนๆ กัน
ทำไมจึงเป็นเสียงกีต้าร์กับเสียงเปียโนไปได้ ทั้งที่ก็เป็น Sine Wave เหมือนกัน ความถี่เดียวกัน
จะว่าไปก็เป็นการสั่นของสายขึงเหมือนๆ กันด้วย
ส่วนที่ทำให้เรารับรู้ว่าเสียงต่างกันคือ Harmonic ครับ
คือเครื่องดนตรีแต่ละชนิดที่เล่นเสียงโน็ตเดียวกัน จะให้องค์ประกอบของ Harmonic แตกต่างกันคร้บ
เช่น กีต้าร์อาจจะมี H2, H5, H7 ส่วนเปียโนอาจจะมี H3, H4, H5 (ในปริมาณหรือ Amplitude ที่แตกต่างกัน, ตัวอย่างเป็นค่าสมมุติ) เป็นต้น ถ้าสนใจเรื่ององค์ประกอบ Harmonic ของเครื่องดนตรี ลองหาเพิ่มเติมจาก Google ได้ครับ
Harmonic เป็นความถี่ตายตัวครับ เช่น H2 ของโน็ต A ต้องเป็น 880 เท่านั้น 879.9 ไม่นับเป็น Harmonic ของ A ครับ
เพราะฉะนั้นส่วนที่เพี้ยนไปจากการขยายไม่ใช่ความถี่แต่เป็น Amplitude ครับ
เช่นเสียงเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง มี H2 เป็นองค์ประกอบ 35% ของ Amplitude Fundamental, H3 2%, H4 60%, H5 7% เป็นต้น
Harmonic Distortion ก็คือสัญญาณหลังการขยาย ได้องค์ประกอบของ Harmonic ผิดไปจากต้นฉบับครับ
เช่น H2 อาจจะเป็น 38%, H3 2%, H4 62%, ... เป็นต้น
เช่นนั้น เสียงที่เราได้ฟังจากการเล่นกลับ ก็จะต่างจากเสียงต้นฉบับ ซึ่งก็ต้องถือว่าเพี้ยน
เพียงแต่ Profile ของ Harmonic ที่เปลี่ยนไปหลังการขยายนั้น ยังไม่มากพอให้เรารับรู้เป็นอีกเครื่องดนตรีหนึ่ง
ตามตัวอย่าง H2 เปลี่ยนจาก 35 เป็น 38 ก็ประมาณ 3/35 ส่วน = 8% กว่าๆ, H3 ไม่เปลี่ยน, H4 60 เป็น 62 ก็ 2/60 = เกือบ 2% เทียบ Profile แล้ว (35-2-60 เทียบกับ 38-2-62) ยังเป็นเสียงเครื่องดนตรีเดิม
แต่อาจจะรับรู้ต่างไปจากต้นฉบับเล็กน้อยครับ ส่วนผู้ฟังจะตีความอย่างไรก็เป็นเรื่องปัจเจกครับ
[/i][/size][/color]
Save เรียบร้อยครับ เก็บไว้อ่านหลายๆ เที่ยว
อ่านเที่ยวเดียวเข้าใจนิดๆ อาจเนื่องเพราะพื้นฐานไม่ดี แถมสับสนเพราะคิดเองเออเอง
ถามต่ออีกหน่อย ...
อย่างเสียงคนเรา สมมุติพี่น้องเราเอง เวลารับโทร. เราจะรู้ทันทีว่าเป็นเสียงพี่สาว หรือเสียงน้องสาว
แต่หลาย หรือเกือบทุกครั้ง เปลี่ยนเป็นครอบครัวเพื่อนซึ่งก็คุ้นเคยกัน เวลารับสายมักทักผิดทุกครั้ง
เพราะเสียงคนพี่ กับเสียงคนน้องเหมือนกันมาก ต้องคุยสักพักค่อยจับความต่างได้
คำถามคือ การที่เรารู้ว่าเสียงพี่ เสียงน้องนี่ เป็นเรื่องเดียวกันกับ Harmonic เครื่องดนตรีไหมครับ
หมายถึง "องค์ประกอบของเสียงฮาร์โมนิก" โน๊ตตัวเดียวกัน แต่เรารับรู้ทันทีว่าเป็นเสียงไวโอลิน หรือเชลโล่
ต่อมาเรื่องของ Octave เคยรู้ตอนศึกษาเรื่องของเสียง(Sound) ตอนเล่น PA
Octave แรกนี่ = 32 Hz กว่าๆ ถัดไปก็หนึ่งเท่าเสมอ
ที่สงสัยคือ ในเรื่องเสียงดนตรี เราจะนับ Octave แรกที่ความถี่เท่าไรครับ
หรืออยู่ที่เราจะกำหนดเอาเอง เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบในแต่ละเรื่อง เช่น เอามาออกแบบพาสสีพครอสฯ
ซึ่งผมคิดเอาเองโดยให้ 200 Hz เป็น First Octave ( 200 400 800 1600 3200 6400 12800 Hz)
ทั้งนี้เพื่อกำหนดจุดตัดให้เข้ากับดอกลำโพงย่านความถี่ต่ำ กลาง สูง
ไม่ว่าจะเป็นลำโพงแบบสองทาง สามทางได้ง่ายขึ้น
คือรู้ว่าตัวเองมั่วมาตลอดแหละ ไม่มีวิชาอะไรมารองรับ
ขอแถมอีกหน่อย อย่างเสียงเปียโน
เวลาเล่น มันจะมีคีย์ตรงกลางสีขาวพอกดได้เสียง โด ถัดไปทางขวาเสียงก็สูงขึ้น ทางซ้ายเสียงก็ต่ำลง
อยากรู้จังครับว่า คีย์กลางที่ว่ามันความถี่เท่าไร
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ป.ล. ถามเยอะหน่อย เพราะ 6BM8 SE ที่กำลังเล่นอยู่นี่นั่งห่างหนึ่งเมตรมี ฮัม พอได้ยิน แต่พอเปิดดังก็กลบเสียงฮัมไป ฟังเพลงเพราะ
เกิดแก้เสียงฮัมให้เงียบลงได้ ให้สงสัยว่ามันจะมีผลให้ฟังเพลงเพราะเท่าเดืม หรือเพราะเพิ่มขึ้น หรือเพราะน้อยลง
รีบถามเพราะวันนี้จะรื้อ เปลี่ยนสายเชื่อมต่อทั้งหมดเป็นสายชีลครับ